fbpx

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร อีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกร สร้างจุดขายให้ชุมชน

ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สารบัญเนื้อหา

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agro-tourism เป็นทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจ ที่จะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมกิจกรรม Unseen in Thailand ที่น่าติดตามยิ่ง ขณะที่ในภาพรวมของการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยกว่า 1.2 ล้านบาท/ปี และท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็เป็นกิจกรรมสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางมากที่สุด 

แนะนำกิจกรรมเล่นแก้ง่วง ระหว่างเดินทางออกทริป

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นการคิดค้นเอาทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในประเทศมาจัดกิจกรรมหรือจัดเป็นรูปแบบทางการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจและอยากเดินทางไปเที่ยว การขยายเส้นทางการท่องเที่ยว และเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น อีกท้ังยังเป็นการอนุรักษ์และการให้ความรู้ในคุณค่าของภูมิปัญญาของเกษตรกรไทย

การเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์และเลี้ยงสัตว์เพื่อชื่นชมความสวยงาม ความสำเร็จและเพลิดเพลินในสวนเกษตร ได้ความรู้มีประสบการณ์ใหม่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ  มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนั้น และยังช่วยกระตุ้นให้รักการทำเกษตรด้วยตัวเองอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันมีการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรมากขึ้น เช่น โครงการสาธิตการเกษตรแบบพอเพียง มีการจัดทำทางเดินบนไร่นา มีที่ถ่ายรูปสวยๆ ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะชม และได้เรียนรู้รวมทั้งได้ซึมซับวิถีการเกษตรไปในตัวด้วย ถือว่าการท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับความนิยมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้อย่างดีทีเดียว

ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร คือ การท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นทางด้านการเรียนรู้วิถีเกษตรกรรมของชาวชนบท โดยเน้นการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวในการดำเนินกิจกรรมให้เกิดการเรียนรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ก่อให้เกิดรายได้ต่อชุมชน และตัวเกษตรกร การท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะเป็นการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม

รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสภาพของสถานที่และจุดท่องเที่ยวใกล้เคียง แต่โดยหลักแล้วก็จะมีการเข้าชมสวนระยะสั้น ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลผลิตด้วยการเก็บเองจากสวนโดยตรง หรือที่เป็นที่นิยมกันมาก คือ บุฟเฟ่ต์ผลไม้

ส่วนการท่องเที่ยวระยะยาวขึ้นคือการพักค้างแรมในสวนหรือในหมู่บ้าน พร้อมกับร่วมกิจกรรมในชุมชน หรือที่เรียกว่าฟาร์มสเตย์ (farmstay) โดยการท่องเที่ยวแบบนี้จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากกว่าระยะสั้นเพราะนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนมากกว่าการเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ

โดยกิจกรรมนั้นมีได้ทั้งการเที่ยวชมสวนเพื่อเรียนรู้เรื่องการผลิต การให้นักท่องเที่ยวร่วมมือทำกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การดำนา การเก็บพืชผัก การตกปลา เก็บไข่ไก่ แล้วนำผลผลิตที่ได้มาทำอาหารกับนักท่องเที่ยวโดยตรง หรือหากบริเวณชุมชนมีจุดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น หมู่บ้านจักสาน หล่อศาลพระภูมิ ไม้แกะสลัก ก็สามารถนำเสนอเพื่อให้ความรู้ เพิ่มพูนความต้องการที่จะอนุรักษ์ให้แก่นักท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้ชุมชนเหล่านั้นอีกด้วย

ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งการท่องเที่ยวแบบนี้สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเป็นการหลีกหนีชุมชนที่หนาแน่และต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทางการเกษตร และเรื่องอื่นๆ มากมาย โดยการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีประโยชน์ ดังนี้

  1. โอกาสจากการมีรายได้มากขึ้น จากหลากหลายทางที่ไม่ใช่จากผลผลิตทางการเกษตรเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการยังสามารถมีรายได้เพิ่มจากการแปรรูปสินค้าเกษตร การเก็บค่าเข้าชม การจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเป็นต้น
  2. รายได้เพิ่ม แต่ไม่ต้องเพิ่มที่ดินท ากิน โดยการนำทฤษฎีเกษตรผสมผสานมาปรับใช้ในพื้นที่ทำกินที่ไม่อยู่จำกัดหรือมีขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพ มีรายได้เพิ่ม มีผลผลิตที่หลากหลาย
  3. เมื่อเทียบกับตลาดสินค้าแบบดั้งเดิม การท่องเที่ยวเชิงเกษตรน าเสนอวิธีการใหม่ของการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าการเกษตร ได้แก่ การแปรรูปผลผลิตให้มีมูลค่าเพิ่ม
  4. โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ จากทรัพยากรที่เกษตรกรมีอยู่แล้ว

  5. เป็นการสร้างกิจการ เพื่อครอบครัวและลูกหลานในอนาคต เป็นวิธีการหนึ่งในการดึงดูดให้คนหนุ่มสาวเดินทางกลับมาประกอบอาชีพในท้องถิ่น
  6. เป็นธุรกิจหนึ่งที่ผู้เกษียณอายุ สามารถดำเนินการได้เอง

  7.  เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกคนที่สนใจเรื่องการเพาะปลูกและการเกษตร ทั้งตัวเกษตรกรเอง นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไปที่อยากศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมด้านการเกษตร หรือความรู้การเลือกซื้อสินค้าการเกษตร การจัดเก็บ เป็นต้น
  8. แสดงวิธีการดูแลและป้องกันผืนดินและทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหนึ่งในวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียว โดยการจัดทำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อลดปัญหาการขายที่ดิน และปัญหาสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาในท้องถิ่น
  9. เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราววิถีทางทำเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นทั้งสมัยโบราณ และสมัยใหม่ด้วย เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การปลูกข้าว เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา เป็นต้น

นอกจากจะได้รับความรู้ความเพลิดเพลินจากประสบการณ์ตรงของเกษตรกรแล้ว ยังได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมท้องถิ่น เทคโนโลยีการเกษตรต่างๆ อีกทั้งเป็นการกระจายรายได้โดยตรงสู่เกษตรกร ช่วยสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ยังช่วยให้คนไทยหันกลับมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้นด้วย

ลักษณะกิจกรรมการเกษตร

แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรต้องการที่จะพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความเหมาะสม โดยเป็นการเชื่อมโยงภาคการเกษตรและวิถีชีวิตชุมชนเข้ากับภาคการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยกิจกรรมทางการเกษตรสามารถแบ่งกิจกรรมได้ตามลักษณะ ดังนี้

  1. การทำนา (Rice Cultivation) ได้แก่ การทำนาปี การทำนาปรัง การทำนาหว่าน น้า ตม การทา นาข้นั บนั ได พิพิธภณั ฑ์ขา้ว ความรู้เรื่องขา้วสายพันธุ์ต่างๆ ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าว วัฒนธรรมการกินข้าวไทย เป็นต้น
  2. การทำสวนไม้ตัดดอก (Cutting Flowers) การทำสวนดอกไม้เพื่อตัดดอกขายทุกชนิด เช่น สวนกุหลาบ ฟาร์มกล้วยไม้ สวนดอกไม้ประดับนานาชนิด ไม้กระถางทุกประเภท รวมถึงไร่ทานตะวัน
  3.  การทำสวนผลไม้ (Orchard) การทำสวนผลไม้ทุกประเภท รวมทั้งการทำวนเกษตร การทำเกษตรแผนใหม่ การทำสวนผสม รวมถึงการทำยางพารา สวนไผ่ สวนปาล์มน้ำมัน

  4. การทำผักสวนครัว (Vegetables) การปลูกพืชผักสวนครัวทุกประเภทรวมถึงการทำไร่สวนผัก ไร่ถั่ว ไร่ข้าวโพดข้าวฟ่าง ไร่พริกไทย เป็นต้น
  5. การทำสวนสมุนไพร (Herbs) การปลูกพืชสมุนไพรนานาชนิด เพื่อใช้เป็นอาหารเสริมพืชผักสวนครัวข้างบ้าน เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม เพื่อใช้เป็นเครื่องส าอาง และเพื่อใช้ในการแพทย์แผนไทย

  6. การทำฟาร์มปศุสัตว์ (Animal Farming) การเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจนานาชนิด อาทิ การเลี้ยงไหม การทำฟาร์มปลา การเลี้ยงหอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม หอยตะโกรม ฟาร์มจระเข้ และบางแห่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก เช่น ฟาร์มนกยูงฟาร์มไก่ฟ้า ฟาร์มกวาง รวมถึงสวนงูของสภากาชาดไทยอีกด้วย
  7. งานเทศกาลผลิตภัณฑ์ต่างๆ (Festival) การจัดงานเพื่อส่งเสริมการขายผลิตผลทางการเกษตร เมื่อถึงฤดูที่พืชผลเหล่าน้ันออกผล อาทิเช่น มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ งานเทศกาลลิ้นจี่ เทศกาลลำไย เทศกาลกินปลา เป็นต้น
สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร

ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ทำให้หลาย ๆ ที่ในประเทศมีการกระจายของพื้นที่ทางการเกษตรอยู่มากมาย และหลาย ๆ ที่ก็เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนมากหน้าหลายตาได้เข้ามาเยี่ยมเยียน พร้อมกับเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมอย่างเพลิดเพลิน เผื่อใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทำกิจกรรมสนุกๆ ทั้งปลูกผัก เดินเล่นชมวิวของท้องไร่ท้องนา โดยในครั้งนี้  DASH MV จะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจกัน มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา จังหวัดสมุทรสงคราม

ชุมชนท่าคา ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ชาวบ้านมีอาชีพทำสวนปลูกพืชล้มลุก เช่น หอม กระเทียม พริกสด ฯลฯ ในสมัยก่อนชาวบ้านนำพืชผักผลไม้ในสวนของแต่ละคนที่เหลือจากการเก็บไว้รับประทานในครัวเรือนมาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งชาวบ้านจะนัดแลกเปลี่ยนสินค้ากันในวันขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ โดยการสัญจรทางเรือ เนื่องจากในอดีตยังไม่มีถนน ต่อมาเมื่อมีการแลกเปลี่ยนระหว่างหมู่บ้านอื่นมากขึ้นจึงได้มีการพัฒนาเป็นตลาดน้ำท่าคาเพิ่มเป็นวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยสินค้าหลักของชุมชน คือ น้ำตาลสด น้ำตาลมะพร้าว ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เป็นต้น

กิจกรรมชุมชน ร่วมทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ต่างๆของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ตลาดน้ำท่าคาจากเรื่องราวของมะพร้าว ชมภูมิปัญญาการทำน้ำตาลมะพร้าว ได้แก่

  • การขึ้นเก็บน้ำตาลมะพร้าวจากต้น
  • การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวแบบโบราณ
  • เติมความหวาน เรียนรู้การทำขนมโบราณจากน้ำตาลมะพร้าวท่าคา
  • การจักสานก้านมะพร้าว ภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนท่าคา
  • การจักสานทางมะพร้าวสด นำมาสานเป็นหมวก ตะกร้า ฯลฯ
  • เรือดุ๊กดิ๊กจากกาบมะพร้าว

ข้อมูลติดต่อ
สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าคา โทร. 03-4766208 
คุณฐานิดา สีเหลือง ผู้ใหญ่บ้านท่าคา โทร. 08-67898130

แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

บ้านโคกเมือง ตั้งอยู่ในตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีอาณาเขตการปกครองแบ่งเป็น 4 หมู่บ้านคือ หมู่ที่ 6 หมุ่ที่ 9 หมู่ที่ 15 และหมู่ที่ 18 จำนวน 720 ครัวเรือน ชุมชนโคกเมืองเป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม ประชาชนที่มาตั้งหลักอพยพมาจากตำบลตาจง อำเภอละทานทราย (ปัจจุบัน) และจากการเสียราษฎรศรีโสภณ กัมพูชา ศรีษะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี เป็นชุมชนที่มีพื้นฐานความเจริญรุ่งรืองทางวัฒนธรรมมาก่อนในอดีต โดยมีหลักฐานทางโบราณสถานที่สำคัญ คือ ปราสาทเมืองต่ำที่มีอายุมากกว่า 1,400 ปี ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา และทำการเกษตรผสมผสาน เมื่อว่างจากการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักแล้วประชาชนกลุ่มแม่บ้านทำการทอผ้าไหมและทอเสื่อกก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเป็นการขยายตลาดสินค้า ที่ระลึก และสินค้ามีราคาถูก ขายง่าย กลุ่มพ่อบ้านทำการเกษตรพอเพียง ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ มีประเพณีบวงสรวงเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปราสาทเมืองตำในวันที่ 2-4 เมษายนของทุกปี โดยจะเปิดทำการเวลา

กิจกรรมชุมชน : ชมและศึกษากระบวนการผลิตข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟ สาธิตการทอเสื่อ การย้อมผ้าจากดินจากบ่อบารายศักศิ์สิทธ์ การชมฐานผลิตพืชผักสมุนไพรและการแปรรูปสมุนไพร เลือกซื้อของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์และผลผลิตทางการเกษตร ศูนย์ OTOP ชิมอาหารพื้นบ้านในรูปแบบขันโตก ชมระบำนางอัปรา ปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์ นอนบ้านพักโฮมสเตย์ ชมตลาดเช้าวิถีชุมชน

วิถีชีวิตชุมชน : วิถีชีวิตการทำการเกษตร การอยู่อาศัยของชาวบ้านอีสานใต้ ร่องรอยอารยธรรมขอม

การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว : ชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ลองปฏิบิติและเรียนรู้ตามฐานเรียนรู้ด้านการเกษตร

ข้อมูลติดต่อ
อบต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โทร. 044-666-247-8
คุณส้มเกลี้ยง สืบวัน (ประธานโฮมสเตย์) โทร. 08 8193 8840
คุณประสิทธิ์ ลอยประโคน (ประธานหมู่บ้านท่องเที่ยว) โทร. 08 6721 1789

ศูนย์การเรียนรู้เกษตรเชิงสร้างสรรค์ ไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย

ศูนย์การเรียนรู้เกษตรเชิงสร้างสรรค์ ไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย

ไร่รื่นรมย์ เป็นไร่ปลูกพืชผักแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งอยู่ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย โดยก่อตั้งจากคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจอยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ด้วยการเลือกทานพืชผักที่ไม่มีสารเคมีหรือเรียกแบบคุ้นหู คือ พืชเกษตรอินทรีย์ (Organic) ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่โดยหันมาสนใจและทานอาหารสุขภาพมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ตระหนักว่าผักเหล่านั้นมีสารเคมีตกค้างมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ทางไร่เริงรมย์จึงมีความตั้งใจในการโปรโมทสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้ผู้บริโภคได้เข้าใจและเข้าถึงในการหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยจะเปิดทำการทุกวัน เวลา 08:00 น. – 19:00 น.

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ได้ทำ สร้างการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งหลักการและการลงมือทำ อาทิ การทำเกษตรอินทรีย์, การทำปุ๋ยอินทรีย์, ปลูกต้นไม้ยืนต้น, การดำนา อีกทั้งถ้าใครสนใจทารทำไร่นาแบบเกษตรอินทรีย์ ที่นี่ก็ได้เปิดคอร์สสอนเป็นระยะๆ อีกด้วย

ข้อมูลติดต่อ
ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ อ.เทิง จ.เชียงราย โทร. 053 160 512, 025111942, 0818361387

สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่

ขุนช่างเคี่ยน หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใน เส้นทางเดียวกับ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิวเศน์ และบ้านม้งดอยปุย สถานีเกษตรที่สูง ขุนช่างเคี่ยนเป็น 1 สถานี เกษตรฯ ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับ เมล็ด พันธุ์กาแฟ ไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ พลับ บ๊วย พลัม อะโวกาโด มะคาเดเมีย และไม้ผลกึ่งร้อน ได้แก่ ลิ้นจี่ และในทุกๆปีของหน้าหนาวช่วงปลายธ.ค-ม.ค. แต่ในเนื่องจากสภาพอากาศ เริ่มแปรปรวนไป ก่อนเดินทางต้องโทรสอบถามไปอีกครั้ง ว่าบานแล้วหรือยัง ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือที่เรียกกันว่าซากุระเมืองไทย สีชมพู สดจะบานสะพรั่งอวดความงามไปทั่วบริเวณสถานีวิจัยและศูนย์ฝึก อบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน หมู่บ้านชาวม้ง บ้าน ขุนช่างเคี่ยนเต็มไปด้วยสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่มาก ทั้งตามข้างทางถึงในหมู่บ้าน โดยเปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.

ข้อมูลติดต่อ
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน โทร. 053-944053 หรือ 053-222014

สวนผู้ใหญ่สมควร จังหวัดระยอง

สวนผู้ใหญ่สมควร จังหวัดระยอง

สวนผู้ใหญ่สมควร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 100 ไร่ แต่ที่จัดเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นตั้งอยู่บนเนื่อที่ร่วม 8 ไร่ ณ หมู่ที่ 3 (หมู่บ้านหนองพญา) ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนที่เก่าแก่ที่สุดสวนหนึ่ง ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทั้งนี้จะมีต้นมังคุดขนาดใหญ่อายุ 100 ปี เป็นเครื่องยืนยัน ภายในสวนประกอบด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งล้วนเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดระยองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เงาะ มังคุด ทุเรียน กระท้อน ลิ้นจี่ ลองกอง ลางสาด ขนุน สละ ฯลฯ ความสด และปลอดภัยจากสารพิษ โดยการรับรอง GAP เป็นเครื่องยืนยัน

โดยที่ตัวสวนจะติดกับคลองชลประทาน ซึ่งจะมีลมพัดเย็นตลอดเวลา ภายในสวนบรรยากาศร่มรื่น มีการจัดเส้นทางเดินชมสวน และมีซุ้มสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน รับประทานผลไม้ในสวนนานาชนิด โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของสวนผู้ใหญ่สมควรคือ ต้นมังคุด 100 ปี จะมีขนาดลำต้นที่ใหญ่ สูง และมีลักษณะเป็นพุ่มสวยงาม ซึ่งลักษณะเด่นของมังคุด 100 ปี คือ จะมีเปลือกบาง มีรสชาติหวานอร่อยกว่ามังคุดทั่วไป โดยลูกจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและผิวพรรณจะไม่นวลเนียนเท่าที่ควร แต่มีรสชาติอร่อย  โดยเปิดทำการเวลา 8.00-18.00 น.

ข้อมูลติดต่อ
คุณสมควร ศิริภักดี โทร. 081-761-9497 , 081-991-3233
คุณเจี๊ยบ 083-0627824

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิงโฮมสเตย์

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิงโฮมสเตย์

ศูนย์แห่งการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีวิตเพื่อความสุขอย่างพอเพียง การทำการเกษตรผสมผสาน เกษตรปลอดสารพิษ และแหล่งเรียนรู้การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ ประโยชน์และการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพกับการเกษตร การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ภาคอีสานที่ร้อนและแห้งแล้ง บ้านบัวเทิง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุเกือบ 180 ปี ด้วยความที่สภาพพื้นที่เหมาะสมกับการทำการเกษตร และเพาะปลูก บ้านบัวเทิงจึงสามารถปลูกไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดจากภาคตะวันออกและภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เงาะ และทุเรียน เป็นต้น นอกจากสวนผลไม้แล้วที่บ้านบัวเทิงยังส่วนต่างๆที่มีศักยภาพมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจหลากหลาย โดยเปิดทำการทุกวัน เวลา 05.00 น. – 16.00 น.

กิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน :

  • เรียนรู้การปลูกพืชผักปลอดสารพิษ
  • เรียนรู้การทำปุ๋ยชีวภาพ
  • เรียนรู้หลักเกษตรอินทรีย์
  • เรียนรู้วิถีชุมชน
  • เรียนรู้เทคนิคการปลูกพืชชนิดต่างๆ เดินชมสวนผลไม้ จับปลาลากอวนกับชาวบ้านนำมาทำอาหาร เลือกซื้อผัก ผลไม้ และดอกไม้จากชุมชน 

ผลิตภัณฑ์ชุมชน: พุทรา 3 รส ,มะนาวแป้นพวง, แก้วมังกร และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ

ข้อมูลติดต่อ
ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านบัวเทิง โทร. 086-2605412

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

ใครที่อยู่ใกล้ที่ไหนก็สามารถท่องเที่ยวได้ที่นั่น หรือจะหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ หรือสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพียงค้นหาคำว่า “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และแอนดรอยด์ ในนั้นจะมีข้อมูลเบอร์ติดต่อและแผนที่ที่สามารถเดินทางสะดวกได้

คลิกดาวน์โหลด ระบบ IOS : https://apple.co/3TVpKh5
คลิกดาวน์โหลด ระบบ Android : https://bit.ly/3Do8lYT

ใครที่สนใจเช่ารถบัสไปแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร สามารถเช่ารถบัสกับ DASH MV ยินดีให้บริการเช่ารถบัสในราคาย่อมเยาและพร้อมมอบความสุขและความใส่ใจในการบริการทุกขั้นตอนด้วยทีมงานมากประสบการณ์ที่คอยดูแล เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งทีมงานและพนักงานขับรถทุกคนมีการฝึกอบรบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยขั้นสูง การให้บริการลูกค้า และการซ่อมแซมรถเบื้องต้น เพื่อพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด 

  • ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
  • เบอร์โทร: 092 185 6699
  • Line:  @dashmv
DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

วิถีชีวิตชุมชน : วิถีชีวิตการทำการเกษตร การอยู่อาศัยของชาวบ้านอีสานใต้ ร่องรอยอารยธรรมขอม

การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว : ชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ลองปฏิบิติและเรียนรู้ตามฐานเรียนรู้ด้านการเกษตร