fbpx

แนวคิด “ปรับ–ลด-ชดเชย” สู่การท่องเที่ยว Carbon neutral tourism

แนวคิด “ปรับ – ลด - ชดเชย"

สารบัญเนื้อหา

การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (carbon neutral tourism) คือ การท่องเที่ยวโดยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอน หันมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานหรือพายเรือ เพื่อสัมผัสชีวิตชุมชนที่ได้ไปเยี่ยมเยียน เปิดโอกาสให้ชีวิตได้ศึกษาหาความรู้จากธรรมชาติและใช้ชีวิตให้ช้าลง กินอยู่เรียบง่าย ในการขับเคลื่อนรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวสนใจโดยอาศัยกลไกการตลาด จึงได้จัดทำต้นแบบเส้นทางการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เหมาะสมกับบริบท สร้างโอกาสให้ชุมชน ผู้ประกอบการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับ 2.45 ตันต่อปี ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของการท่องเที่ยวทั่วไปที่ปล่อยก๊าซนี้ถึง 5.08 ตันต่อปี เส้นทางการท่องเที่ยวที่กำหนดไว้อาจมีอุปสรรคจากสภาวะดินฟ้าอากาศ เช่น ฝนตก จึงต้องเตรียมเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวสำรอง เตรียมพาหนะให้เหมาะสม นอกจากนี้ควรมีการพัฒนาต่อยอดให้การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำนี้น่าสนใจมากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวได้ลงมือทำหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตหรือศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ใช่แค่การเยี่ยมชมเพียงอย่างเดียว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยวตามแผน BCG Model และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยได้ดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนา และต่อยอดการจัดการการท่องเที่ยวที่ปล่อย “คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” (Carbon Neutral Tourism) ที่เหมาะสมกับบริบทของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทั้งในส่วนผู้ประกอบการ และชุมชนท่องเที่ยว เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

“ปรับ – ลด - ชดเชย" สู่การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

โดยฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  ได้พัฒนาธุรกิจและกิจกรรมท่องเที่ยวที่จัดการด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) โดยพัฒนากิจกรรมต้นแบบ ที่มุ่งเน้นกระบวนการตามแนวคิด “ปรับ – ลด – ชดเชย” เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวแบบปกติของธุรกิจเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ และพัฒนาไปสู่การเป็นต้นแบบธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

 โดยการ “ปรับ – ลด – ชดเชย” หมายถึง ปรับกิจกรรมให้น่าสนใจ โดยอยู่บนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและวัสดุสิ้นเปลืองจากกิจกรรมท่องเที่ยวให้มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยที่สุด และชดเชยการปล่อยด้วยคาร์บอนเครดิต ซึ่งได้มาจากกิจกรรมฟื้นฟู และสร้างแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก การกำจัดออกหรือดักจับโดยตรง เพื่อสร้างสมดุลและทำให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ททท. ได้คัดสรร 5 แหล่งท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ดังนี้

บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี : ตะลุยถ้ำเสือสุดโก้ ซีโรคาร์บอน

บ้านถ้ำเสือ

ปัจจุบันเป็นต้นแบบเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย  ได้แก่ ฐานการเรียนรู้การเผาถ่านความร้อนสูงเตา อิวาเตะ กลั้นน้ำส้มควันไม้ การปั้นไข่เค็มสมุนไพร การทำทองม้วนน้ำตาลโตนด การปลูกผักอินทรีย์  ฐานธนาคารต้นไม้  การปั้นกระสุนเมล็ดพันธุ์ การยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น

ชาวบ้านถ้ำเสือ ส่วนใหญ่ทำการเกษตรและจะมีสวนผลไม้ ได้แก่ เงาะ ทุเรียน ที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ  โดยผลของเงาะจะกลม รสชาติหวาน กรอบ อร่อย  เนื้อร่อน จนเป็นที่ติดใจ  ส่วนทุเรียนเนื้อจะเหลือง หวาน อร่อย นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวชมสวนต้องการสัมผัสบรรยากาศ   สามารถเข้ามาเก็บชิมเงาะได้แบบสดๆ จากต้น และสามารถเลือกซื้อเงาะโดยระบุต้นได้เลยว่าชอบหรือต้องการซื้อเงาะต้นไหน โดยจะเก็บลงจากต้นนั้นมาขายให้ทันที

นอกจากนี้ยังมีป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือ ที่จัดตั้งเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ของชุมชนตามฤดูกาล เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เป็นพื้นที่ราบ มีภูเขาตั้งอยู่โดยทั่วไป มีแหล่งน้ำธรรมชาติ สมบูรณ์ เส้นทางคมนาคมสะดวก เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ มีพันธุ์ไม้รวก งิ้ว มะค่า ตะแบก ไม้รัง และไม้อื่นๆ  มีเห็ดและพืชสมุนไพรให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์   นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำกิจกรรมปลูกป่าโดยการปั้นกระสุนเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ และการยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ต้นไม้

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-1702904

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

บ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ. สมุทรสงคราม

บ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ. สมุทรสงคราม

กิน เที่ยว สโลว์ไลฟ์ สไตล์ริมคลอง โลว์คาร์บอน ชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์ รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้ง ยังเป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกลุ่มวิสาหกิจที่ผลิตสินค้าเกี่ยวกับมะพร้าว เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ชาวชุมชนเพาะปลูกและเป็นสวนมะพร้าวจึงเกิดการแปรรูปเป็นสินค้า เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ไซรัปจากน้ำตาลมะพร้าว เป็นต้น

การทำน้ำตาลมะพร้าวถือเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวสมุทรสงครามมาตั้งแต่อดีตเนื่องด้วยในจังหวัดสมุทรสงครามนั้นมีต้นมะพร้าวจำนวนมาก โดยที่ชุมชนบ้านริมคลองนั้นได้นำการทำน้ำตาลมะพร้าวมาสาธิตให้นักท่องเที่ยวดูโดยการจะชมนั้นอาจจะต้องไปเช้านิดนึงเพราะการเคี่ยวตาลจะทำกันตอนเช้า โดยน้ำตาลมะพร้าวของที่นี่จะไม่มีการใส่สารกันบูดจะเป็นน้ำตาลมะพร้าวแท้

นอกจากนี้ยังมีการสานทางมะพร้าวถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและอีกทั้งยังสามารถเอาวัสดุจากธรรมชาติในชุมชนมาสร้างรายได้ โดยที่ชุมชนริมคลองนั้นจะมีการสาธิตการสานมะพร้าวให้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเอาไปทำเป็นงานอดิเรกสร้างอาชีพสร้างรายได้

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-170-2904

ไร่ใจยิ้ม จ. กาญจนบุรี : แคมป์แห่งความสุข สนุกครบรส

ไร่ใจยิ้ม จ. กาญจนบุรี : แคมป์แห่งความสุข สนุกครบรส

ไร่ใจยิ้ม เป็นที่พักแบบสโลไลฟ์ อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยตะเคียน กลางคืนจะได้บรรยากาศเงาน้ำ สะท้อนดวงดาว อย่างสวยงาม หากใครต้องการมาแคมป์ปิ้ง พักผ่อน นั่งชิลล์ ใช้เวลากับครอบครัว นั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงธรรมชาติ ใช้เวลากับตัวเอง รวมไปถึงกิจกรรมชิลล์ๆ ทั้ง พายเรือแคนู ตกปลา เก็บผัก เก็บไข่ออแกนิก ขี่จักรยานชมสวน ที่นี่รวมมาให้หมดแล้ว

ไร่ใจยิ้มจะเน้นที่การมองโลกด้วยใจที่เป็นสุข เป็นธรรมดา และเป็นธรรมชาติด้วยแนวคิด Oneness เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง มีกิจกรรมเก็บไข่ไก่ เก็บผัก หรือจะเอาจักรยานมาปั่นในไร่ก็สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อย ความสุนทรียภาพถูกถ่ายทอดผ่านอากาศอันบริสุทธิ์ ทิวทัศน์อันสวยงาม บรรยากาศที่สงบเงียบ ความเป็นกันเองของผู้คน และการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.085-482-6559

ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง จ.นครราชสีมา

ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง จ.นครราชสีมา : คืนรังสไตล์ เที่ยวแบบไร้คาร์บอน

เป็นฟาร์มสเตย์แห่งแรกในชุมชนคุ้มโนนสำราญ​ ที่อาศัยพื้นฐานทางเกษตรกรรมมาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนเรียนรู้วิถีแบบบ้านๆ​ และสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีพื้นที่ 20 กว่าไร่ แบ่งเป็น บ่อน้ำ 5-10 ไร่ ผืนนาปลูกข้าวออร์แกนิก 5 ไร่ ปศุสัตว์ 5 ไร่เลี้ยงวัว 3 ตัว ควาย 3 ตัว เป็ด 40 ตัว ไก่ 100 ตัว ปลูกมะพร้าวน้ำหอม พืชผัก ไม้ป่าอื่นๆ รวมถึงห้องพัก 4 หลัง โดยการผสานบรรยากาศแบบชาวไร่ที่ทำเกษตรผสมผสาน พร้อมสัมผัสวิถีการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบไม่เร่งรีบ ภายในฟาร์มที่พึ่งพาตัวเองและชุมชนใกล้เคียงแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ”ไร่คืนรัง” ให้มันจบที่บ้านเรา วงจรแห่งความยั่งยืน

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-244-1369

สวนส้มโอไทยทวี จ.นครปฐม

สวนส้มโอไทยทวี

สวนส้มโอไทยทวี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ มีกิจกรรมให้เรียนรู้มากมาย อย่างกิจกรรมไฮไลท์คือการล่องเรือชมสวน เรียนรู้เทคนิคการเก็บส้มโอ โดยคุณธนกฤต จะเป็นคนพายเรือและสาธิตการเก็บส้มโอด้วยตัวเอง และระหว่างล่องเรืออยู่นั้น คุณจะได้เห็นปลาหลากชนิดในร่องสวนกระโดดขึ้นมาอวดโฉมเหมือนกับการแสดงโชว์ หากใครไม่สะดวกล่องเรือ ก็สามารถเดินชมสวนส้มโอได้เลย ที่สวนทำสะพานเชื่อมให้เดินข้ามไปบริเวณร่องสวนแบบสะดวกสบาย ทั้งยังเป็นจุดชมวิวสวนที่สวยจุดหนึ่งเลย

ภายในสวนปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง มีจุดเด่นคือ มีขนาดใหญ่ หวานอมเปรี้ยวกำลังดี เก็บจากต้นรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ลืมต้น และพันธุ์ทองดีที่มีรสชาติหวานหอม เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าน้ำไหลทรายมูล และไฮไลท์สำคัญคือทางสวนนำกิ่งพันธ์ส้มโอทับทิมสยามมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช นำมาปลูกที่อำเภอนครชัยศรีได้เป็นผลสำเร็จ มีลักษณะและรสชาติหวานเหมือนกับต้นฉบับเลยทีเดียว มีให้เลือกซื้อหากันตามชอบ และยังมีกิ่งพันธ์ส้มโอจำหน่ายด้วย

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 083-626-5499

การพัฒนาต่อยอดหน่วยธุรกิจและชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นี้ นอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่า สร้างจุดเด่น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยในตลาดโลก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักรู้ และคุณค่าในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่บุคลากรในหน่วยธุรกิจและนักท่องเที่ยว อีกทั้ง นักท่องเที่ยวยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนในท้องถิ่น ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอีกด้วย

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด
ที่อยู่:  39 หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร. 092-185-6699
Line: @DASHMV

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ