fbpx

5 ที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่น่าไปเช็กอิน

5 ที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่น่าไปเช็กอิน

5 ที่เที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่น่าไปเช็กอิน

ใกล้หยุดยาวแล้ว! มาเตรียมแพลนเที่ยวไปพักกายพักใจกับสถานที่ท่องเที่ยวปลายฝนต้นหนาวกันเถอะ พร้อมเก็บภาพความทรงจำขุนเขาและสายหมอก ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายเงียบสงบ หนีเมืองที่วุ่นวายไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ให้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากเรื่องงาน ซึ่งเราคัดมาให้แล้วกับ 5 จุดเช็กอินสุดปัง! ชมบรรยากาศเขียวขจีให้สายหมอกไหลผ่านตัว เหมาะกับคนรักธรรมชาติ ชอบชมวิวสวย ๆ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูลิสต์ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวกันเลย

สารบัญเนื้อหา

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย

เขาหลวง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง

เขาหลวง หรือ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง มีเนื้อที่ครอบคลุมอำเภอบ้านด่านลานหอย อำเภอคีรีมาศ และอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เขาหลวงคือยอดเขาที่สูงที่สุดในสุโขทัยที่สูงกว่า 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่ไม่ใช่แค่ธรรมชาติงาม แต่มากด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีปูชนียวัตถุอันเป็นโบราณสถานสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ป่าเขาสมบูรณ์ ทะเลหมอกดีงาม และยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสายของจังหวัด

สำหรับจุดกางเต็นท์บนยอด เขาหลวงสุโขทัย นั้น ก็แทบจะสะดวกสบายทุกอย่างเลย เพราะมีทั้ง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และ ร้านค้าสวัสดิการต่างๆ ที่มีทั้งขายอาหารเครื่องดื่ม และของใช้จำเป็นต่างๆ ให้ครบเลยค่ะ เรียกได้ว่าใครลืมเอาอะไรไป ก็ซื้อจากที่นี่ได้เลย

เมื่อมาถึงด้านบน เขาหลวง แล้วสามารถเดินไปเที่ยวตามยอดต่างๆ ได้อีกนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ยอดเขานารายณ์ ที่ไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ยอดเขาแม่ย่า ไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ นอกจากนั้น ก็จะมี ยอดเขาเจดีย์ ยอดเขาภูลังกา และ ผาชมปรง

ติดต่อสอบถามได้ที่

ที่อยู่ : เขาหลวง ตำบลบ้านน้ำพุ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
พิกัด : https://goo.gl/maps/vd2FKwBrDvd6ooEK6
เปิดให้เข้าชม : เปิดให้ขึ้น 08.00 น. และไม่อนุญาตให้ขึ้นเขาหลัง 15.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทโทรศัพท์ : 0-5561-9200-1
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/RamkhamhaengNationalPark/

ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี

ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

ผาชะนะได ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจด้วยหน้าผาที่ยื่นออกไปรับลมบนที่สูง ปกคลุมด้วยป่าสนสองใบ ทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน และที่นี่ยังเป็นจุดที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้คำนวณพยากรณ์เวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของประเทศไทยด้วยการเห็นลำแสงแรกเริ่มของ ตะวัน ณ เส้นแวงที่ 105 องศา 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดาอีกด้วย

อีกหลายจุดชมวิวทางผ่านไปสู่ของ ผาชะนะได คือ ลานดอกไม้ดิน และการชมพะลานหิน ได้แก่ พะลานหินวัดภูอานนท์ พะลานถ้ำไฮ พะลานภูโลง พะลานผายะยืด พะลานวัดถ้ำอมรถ้ำ ถ้ำปาฏิหาริย์ ถ้ำฝ่ามือแดงบ้านปากลา ผาที่วัดภูอานนท์โหง่นแต้ม เสาเฉลียง และหินโยกมหัศจรรย์ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 50 ตัน แต่ใช้แรงเพียงคนเดียวโยกได้ หรือจะท่อง ป่าดงนาทาม ซึ่งมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เป็นแหล่งเดินป่ายอดนิยมสำหรับนักผจญภัย

แต่ที่จะไม่พูดไม่ได้เลย คือ ทะเลหมอกของผาชะนะไดที่สวยงามเป็นที่กล่าวขานกันว่าใครมีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นคนแรกก็เหมือนกับได้เพิ่มพลังให้ชีวิต ดั่งเช่นแสงที่ตัดเส้นขอบฟ้านั่นเอง ช่วงเวลาเหมาะสำหรับการมาชมวิวสวยๆ จะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ตุลาคม-กุมภาพันธ์ เพราะช่วงนี้จะได้ทั้งอากาศเย็นๆ และได้ชมดอกไม้บานสะพรั่งอีกด้วย

ติดต่อสอบถามได้ที่

ที่อยู่ : ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
พิกัด : https://goo.gl/maps/jc61BtFdHjnGhpWeA
เปิดให้เข้าชม : สอบถามได้จากอุทยานฯ
โทรศัพท์ : 0-4524-6332-3

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก

น้ำตกทีลอซู

น้ำตกทีลอซู เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก จนได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก สายน้ำตกนั้นเกิดจากลำน้ำห้วยกล้อท้อที่ไหลผ่านหน้าผาสูงชันลดหลั่นเป็นชั้น ๆ เกิดเสียงดังกึกก้องท่ามกลางป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์

นอกจากความงามของ น้ำตกทีลอซู แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง คือ น้ำตกทีลอจ่อ เป็นน้ำตกหินปูนที่ไหลจากลำธารลงสู่แม่น้ำ น้ำตกสายรุ้ง ต้องล่องเรือเพื่อไปชมเท่านั้น หากช่วงเวลาเหมาะสมนักท่องเที่ยวจะเห็นรุ้งกินน้ำซึ่งเกิดจากแสงที่ตกกระทบกับละลองน้ำของสายน้ำตก น้ำตกพาเจริญ เป็นน้ำตกที่มีจำนวนชั้นมากถึง 97 ชั้น น้ำตกทีลอเล ตั้งอยู่ในเขตผืนป่าตอนบนของลำน้ำแม่กลอง บริเวณรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ดอยหัวหมด เป็นจุดชมวิวทะเลหมอก ถ้ำตะโค๊ะบิ เป็นถ้ำขนาดใหญ่ กิจกรรมท่องเที่ยว ล่องเรือยางชมน้ำตก สมัยก่อนเป็นการล่องแพ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นเรือยางแทน ชมถ้ำ ชมทะเลหมอก

เมื่อมาถึงด้านบน เขาหลวง แล้วสามารถเดินไปเที่ยวตามยอดต่างๆ ได้อีกนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ยอดเขานารายณ์ ที่ไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ยอดเขาแม่ย่า ไว้สำหรับชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ นอกจากนั้น ก็จะมี ยอดเขาเจดีย์ ยอดเขาภูลังกา และ ผาชมปรง

ติดต่อสอบถามได้ที่

ที่อยู่ : ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
พิกัด : https://goo.gl/maps/gm4Zz9XVdFnJx92i6  
เปิดให้เข้าชม : สามารถสอบถามได้จากบริษัททัวร์ในการจัดล่องแพ
โทรศัพท์ : 055-508780 ในเวลาราชการ หรือ  088-4275272

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตั้งอยู่ที่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ อำเภอแม่แตง อำเภอเวียงแหง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 782,575 โดยมีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มรื่น โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่าทะเลหมอกที่งดงามยิ่ง มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมียอดดอยที่มีธรรมชาติงดงามอีกหลายแห่ง เช่น ดอยช้าง ดอยสามหมื่น รวมทั้งมีโป่งเดือดซึ่งเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ ส่วนการล่องแพในลำน้ำแม่แตงก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย

จุดชมวิวทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อว่าวิวสวยมาก คือ จุดชมวิวดอยกิ่วลม ที่มีชื่อเสียงและสวยงดงามแห่งหนึ่งของไทย นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มียอดดอยที่สวยงามอีกมากมายหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ดอยช้าง ดอยสามหมื่น รวมถึงมี โป่งเดือด น้ำพุร้อนธรรมชาติอีกด้วย ส่วนกิจกรรมในบริเวณอุทยานฯ นั้น ที่ฮิตสุดๆ ก็คือ การล่องแพ ในลำน้ำแม่แตง

โดยบริเวณนี้มีลานกางเต็นท์ให้นักท่องเที่ยวได้นอนสัมผัสบรรยากาศสบาย ๆ นอนดูดาวแล้วตื่นมาชมวิวสวย ๆ ยามเช้า นอกจากนี้ใครที่ไม่ใช่สายแคมปิงที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งนี้ยังมีบ้านพักของอุทยานราคาไม่แรงอีกด้วย

ติดต่อสอบถามได้ที่

ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง หมู่ 5 ตำบลกึ๊ดช้าง
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด : https://goo.gl/maps/7oBn66qvn6LFhE9W8
เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.
โทรศัพท์ : 0-5324-8491 , 0-84908-1531
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/huainamdang.np/

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด สภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีเทือกเขา กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว ยอดภูสอยดาวมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 2,102 เมตร สูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง

และสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ ก็คือ ลานสนสามใบภูสอยดาว ซึ่งจะเป็นลานที่มีต้นสนขึ้นอยู่เต็มลานสวยงาม และ ทุ่งดอกหงอนนาค ซึ่งจะเบ่งบานให้ได้ชมกันในช่วงหน้าฝนนั่นเองค่ะ โดยช่วงเวลาที่เหมาะในการมาเที่ยวก็คือจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ เดือนสิงหาคม-กันยายน เป็นทุ่งดอกไม้สีม่วงสวย ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ท่ามกลางป่า ที่จัดว่าเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงามอันดับต้นๆ เลยของเมืองไทยค่ะ เหมาะกับการมาถ่ายรูปสวยๆ กลางทุ่งดอกไม้ และบรรยากาศดีๆ ของป่าที่เขียวขจีในช่วงหน้าฝนแบบนี้

ติดต่อสอบถามได้ที่

ที่อยู่ : ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 53110 
โทรศัพท์ : 0 5543 6793, 095 629 9528, 091 024 7633
อีเมล : phusoidao07@hotmail.com

และนี่เป็น 5 จุดเช็กอินปลายฝนต้นหนาวที่เที่ยวสวย ๆ รอต้อนรับให้คุณได้เดินทางไปชื่นชมกับธรรมชาติ สัมผัสอากาศเย็นสบาย เคล้าสายหมอกบางเบาอีกมากมาย มีเวลาอย่าลืมพาตัวและใจไปเสพความงามเหล่านั้นกันนะ และสุดท้ายขอให้ทุกท่าน วางโปรแกรมเที่ยวให้สะดวก เที่ยวสนุกอย่างมีความสุข และขอให้เดินทางปลอดภัยกันทุกคน

และใครที่กำลังมองหารถบัสให้เช่า คุณภาพดี การันตีมาตรฐาน บริษัทให้เช่ารถบัส DASH MV เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือ ด้วยบริการเช่ารถบัสปรับอากาศมาอย่างยาวนาน สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คุ้มค่า รถบัสมีมาตรฐานครบถ้วนในทุกๆ ด้าน ทั้งความปลอดภัย มาตรฐานการให้บริการ รวมไปถึงความสะดวกสบายต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร: 092 185 6699
Line:  @dashmv

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

Tourism Smart Data ยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่ยุคดิจิทัล

Tourism Smart Data ยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่ยุคดิจิทัล

Tourism Smart Data

ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่นักท่องเที่ยวต่างหันมาใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เดินหน้าพัฒนาระบบ เพื่อมารองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าถึงข้อมูลการเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้จัดตั้งโครงการ “Tourism Smart Data Management” (โครงการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะด้านการท่องเที่ยว) ระบบจัดการฐานข้อมูลอัจฉริยะเพื่อใช้จัดการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ให้สามารถนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และต่อยอดการพัฒนาประเทศด้านธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาเชื่อมโยงในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มและตรงตามความต้องการมากขึ้น

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

ททท. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการดิจิทัลระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อวางแผนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่สอดคล้องกับนโยบายชาติในการปฏิรูปประเทศสู่ดิจิทัล ไทยแลนด์ (Digital Thailand) โดยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย Digital Tourism ร่วมผลักดันให้เกิด Ecosystem ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้มีความรู้เท่าทันและได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล ให้สามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแนวคิด 3D ได้แก่ Digital Literacy การอบรมให้ความรู้ในด้านการทำการตลาดสมัยใหม่โดยการใช้ข้อมูลมาช่วยวิเคราะห์วางแผน การใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินงาน ยกระดับศูนย์พัฒนาวิชาการด้านการตลาดท่องเที่ยว (TAT Academy) ซึ่งสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุนชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจด้านการตลาด การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยดำเนินงาน การบริหารและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โดยในปี 2566 ททท. จะมีการเปิดสอนหลักสูตรการตลาดท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบผ่านระบบการเรียนออนไลน์ และจัดทำหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม Thai MOOC เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เครือข่ายด้านการท่องเที่ยว ทั้งยังมุ่งพัฒนา “TAT Review” จุลสารวิชาการด้านการท่องเที่ยวในช่องทางออนไลน์ พร้อมให้เป็นฐานรวมความรู้เชิงวิชาการด้านการตลาดท่องเที่ยวความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมแนวโน้มสถานการณ์งานวิจัยตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในอนาคต

นอกจากนี้ ททท. ยังมีแผนส่งเสริมกลุ่ม Travel Tech และ Start Up ในการพัฒนาเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น Smart Map AI VI เป็นต้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าแก่นักท่องเที่ยว สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ททท. ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

พร้อมสนับสนุนการระดมเงินทุนเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการตลาดการท่องเที่ยว ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ททท. พร้อมสนับสนุนข้อมูลโดยมีการพัฒนาระบบข้อมูลให้เป็น (Data Digitizing) ทั้งข้อมูลที่ใช้ภายในหน่วยงาน และข้อมูลที่จะเผยแพร่สู่หน่วยงานภายนอก เพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Data Sharing) ตลอดจนมีการพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นกลไกหลักในการดำเนินการ (Digitalized Process) รวมถึงให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างนวัตกรรมบริการสารสนเทศ

ยังมีแนวทางในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยการจัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อรองรับและส่งเสริมให้เกิดการทำกิจกรรมทางการตลาดท่องเที่ยวผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการในการเร่งปรับตัว เตรียมรับ และเพิ่มศักยภาพให้สามารถนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ได้ทั้งระบบนิเวศน์ของการพัฒนาการท่องเที่ยว อาทิ จัดทำ Token ที่สามารถใช้เป็นส่วนลดในการใช้บริการแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และบริการทางการท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการตลาดสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังมีแผนจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน start up สถาบันการศึกษา ชุมชน และทุกภาคส่วน เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสู่ยุคดิจิทัล

สำหรับยุทธศาสตร์ภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ของ ททท. แบ่งออกเป็น 3 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาเครื่องมือทางการตลาดดิจิทัล เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์การท่องเที่ยว
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและผลักดันการใช้โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสารสนเทศ และข้อมูลด้านการตลาดการท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับการบริหารจัดการดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงอย่างมีธรรมาภิบาล

และได้มีการวางแผนขยายขอบเขตการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 27001:2013 ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (ISMS) ในขอบเขตระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ให้ครอบคลุมระบบปฏิบัติการและจัดการข้อมูลที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมดำเนินการตรวจสอบช่องโหว่ ตาม พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เพื่อจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศขององค์กร

ทั้งนี้ ด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา มุ่งให้นโยบายและกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ ททท. มีแผนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนให้ททท. เป็นองค์กรสมรรถนะสูง (High Performance Organization : HPO) เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า และมุ่งสู่ความยั่งยืน

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

การเดินทางในประเทศไทยนั้นกินพลังงานชีวิต เรียกว่าเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในชีวิตประจำวันก็ว่าได้ เนื่องจากการเดินทางในประเทศของเราด้วยรถสาธารณะนั้นยังมีตัวเลือกให้บริการอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นพื้นที่นอกตัวเมือง การหารถสาธารณะเพื่อเดินทางให้ถึงจุดหมายยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ “รถรับส่งพนักงาน” จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการหรือบริการที่แต่ละองค์กรควรให้ความสนใจ เพื่อที่จะได้เข้ามาอุดรอยรั่วดังกล่าวและทำให้พนักงานรู้สึกได้รับการอำนวยความสะดวก ทำให้มีกำลังใจในการเดินทางมาทำงานในแต่ละวันเนื่องจากไม่ต้องเสียแรงยืนรอหรือเบียดเสียดกับผู้อื่นเพื่อใช้รถสาธารณะ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าทำไมแต่ละองค์กรจึงควรมีรถรับส่งพนักงาน รวมถึงขั้นตอน สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำสวัสดิการรถรับส่งพนักงานแบบมืออาชีพด้วยว่าเป็นอย่างไร

แนวคิด “ปรับ–ลด-ชดเชย” สู่การท่องเที่ยว Carbon neutral tourism

แนวคิด “ปรับ–ลด-ชดเชย” สู่การท่องเที่ยว Carbon neutral tourism

แนวคิด “ปรับ – ลด - ชดเชย"

สารบัญเนื้อหา

การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (carbon neutral tourism) คือ การท่องเที่ยวโดยลดการใช้พลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอน หันมาเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานหรือพายเรือ เพื่อสัมผัสชีวิตชุมชนที่ได้ไปเยี่ยมเยียน เปิดโอกาสให้ชีวิตได้ศึกษาหาความรู้จากธรรมชาติและใช้ชีวิตให้ช้าลง กินอยู่เรียบง่าย ในการขับเคลื่อนรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวสนใจโดยอาศัยกลไกการตลาด จึงได้จัดทำต้นแบบเส้นทางการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เหมาะสมกับบริบท สร้างโอกาสให้ชุมชน ผู้ประกอบการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับ 2.45 ตันต่อปี ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของการท่องเที่ยวทั่วไปที่ปล่อยก๊าซนี้ถึง 5.08 ตันต่อปี เส้นทางการท่องเที่ยวที่กำหนดไว้อาจมีอุปสรรคจากสภาวะดินฟ้าอากาศ เช่น ฝนตก จึงต้องเตรียมเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยวสำรอง เตรียมพาหนะให้เหมาะสม นอกจากนี้ควรมีการพัฒนาต่อยอดให้การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำนี้น่าสนใจมากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวได้ลงมือทำหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตหรือศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่ใช่แค่การเยี่ยมชมเพียงอย่างเดียว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยวตามแผน BCG Model และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยได้ดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนา และต่อยอดการจัดการการท่องเที่ยวที่ปล่อย “คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” (Carbon Neutral Tourism) ที่เหมาะสมกับบริบทของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทั้งในส่วนผู้ประกอบการ และชุมชนท่องเที่ยว เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

“ปรับ – ลด - ชดเชย" สู่การท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

โดยฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  ได้พัฒนาธุรกิจและกิจกรรมท่องเที่ยวที่จัดการด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) โดยพัฒนากิจกรรมต้นแบบ ที่มุ่งเน้นกระบวนการตามแนวคิด “ปรับ – ลด – ชดเชย” เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวแบบปกติของธุรกิจเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ และพัฒนาไปสู่การเป็นต้นแบบธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

 โดยการ “ปรับ – ลด – ชดเชย” หมายถึง ปรับกิจกรรมให้น่าสนใจ โดยอยู่บนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและวัสดุสิ้นเปลืองจากกิจกรรมท่องเที่ยวให้มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยที่สุด และชดเชยการปล่อยด้วยคาร์บอนเครดิต ซึ่งได้มาจากกิจกรรมฟื้นฟู และสร้างแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก การกำจัดออกหรือดักจับโดยตรง เพื่อสร้างสมดุลและทำให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ททท. ได้คัดสรร 5 แหล่งท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ดังนี้

บ้านถ้ำเสือ จ.เพชรบุรี : ตะลุยถ้ำเสือสุดโก้ ซีโรคาร์บอน

ปัจจุบันเป็นต้นแบบเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย  ได้แก่ ฐานการเรียนรู้การเผาถ่านความร้อนสูงเตา อิวาเตะ กลั้นน้ำส้มควันไม้ การปั้นไข่เค็มสมุนไพร การทำทองม้วนน้ำตาลโตนด การปลูกผักอินทรีย์  ฐานธนาคารต้นไม้  การปั้นกระสุนเมล็ดพันธุ์ การยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น

ชาวบ้านถ้ำเสือ ส่วนใหญ่ทำการเกษตรและจะมีสวนผลไม้ ได้แก่ เงาะ ทุเรียน ที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ  โดยผลของเงาะจะกลม รสชาติหวาน กรอบ อร่อย  เนื้อร่อน จนเป็นที่ติดใจ  ส่วนทุเรียนเนื้อจะเหลือง หวาน อร่อย นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวชมสวนต้องการสัมผัสบรรยากาศ   สามารถเข้ามาเก็บชิมเงาะได้แบบสดๆ จากต้น และสามารถเลือกซื้อเงาะโดยระบุต้นได้เลยว่าชอบหรือต้องการซื้อเงาะต้นไหน โดยจะเก็บลงจากต้นนั้นมาขายให้ทันที

นอกจากนี้ยังมีป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือ ที่จัดตั้งเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ของชุมชนตามฤดูกาล เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เป็นพื้นที่ราบ มีภูเขาตั้งอยู่โดยทั่วไป มีแหล่งน้ำธรรมชาติ สมบูรณ์ เส้นทางคมนาคมสะดวก เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ มีพันธุ์ไม้รวก งิ้ว มะค่า ตะแบก ไม้รัง และไม้อื่นๆ  มีเห็ดและพืชสมุนไพรให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์   นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำกิจกรรมปลูกป่าโดยการปั้นกระสุนเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ และการยิงกระสุนเมล็ดพันธุ์ต้นไม้

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-1702904

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

บ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ. สมุทรสงคราม

บ้านริมคลองโฮมสเตย์ จ. สมุทรสงคราม

กิน เที่ยว สโลว์ไลฟ์ สไตล์ริมคลอง โลว์คาร์บอน ชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับรางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์ รางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้ง ยังเป็นชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกลุ่มวิสาหกิจที่ผลิตสินค้าเกี่ยวกับมะพร้าว เป็น ผลิตภัณฑ์ที่ชาวชุมชนเพาะปลูกและเป็นสวนมะพร้าวจึงเกิดการแปรรูปเป็นสินค้า เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ไซรัปจากน้ำตาลมะพร้าว เป็นต้น

การทำน้ำตาลมะพร้าวถือเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวสมุทรสงครามมาตั้งแต่อดีตเนื่องด้วยในจังหวัดสมุทรสงครามนั้นมีต้นมะพร้าวจำนวนมาก โดยที่ชุมชนบ้านริมคลองนั้นได้นำการทำน้ำตาลมะพร้าวมาสาธิตให้นักท่องเที่ยวดูโดยการจะชมนั้นอาจจะต้องไปเช้านิดนึงเพราะการเคี่ยวตาลจะทำกันตอนเช้า โดยน้ำตาลมะพร้าวของที่นี่จะไม่มีการใส่สารกันบูดจะเป็นน้ำตาลมะพร้าวแท้

นอกจากนี้ยังมีการสานทางมะพร้าวถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นและอีกทั้งยังสามารถเอาวัสดุจากธรรมชาติในชุมชนมาสร้างรายได้ โดยที่ชุมชนริมคลองนั้นจะมีการสาธิตการสานมะพร้าวให้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเอาไปทำเป็นงานอดิเรกสร้างอาชีพสร้างรายได้

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-170-2904

ไร่ใจยิ้ม จ. กาญจนบุรี : แคมป์แห่งความสุข สนุกครบรส

ไร่ใจยิ้ม จ. กาญจนบุรี : แคมป์แห่งความสุข สนุกครบรส

ไร่ใจยิ้ม เป็นที่พักแบบสโลไลฟ์ อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยตะเคียน กลางคืนจะได้บรรยากาศเงาน้ำ สะท้อนดวงดาว อย่างสวยงาม หากใครต้องการมาแคมป์ปิ้ง พักผ่อน นั่งชิลล์ ใช้เวลากับครอบครัว นั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงธรรมชาติ ใช้เวลากับตัวเอง รวมไปถึงกิจกรรมชิลล์ๆ ทั้ง พายเรือแคนู ตกปลา เก็บผัก เก็บไข่ออแกนิก ขี่จักรยานชมสวน ที่นี่รวมมาให้หมดแล้ว

ไร่ใจยิ้มจะเน้นที่การมองโลกด้วยใจที่เป็นสุข เป็นธรรมดา และเป็นธรรมชาติด้วยแนวคิด Oneness เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง มีกิจกรรมเก็บไข่ไก่ เก็บผัก หรือจะเอาจักรยานมาปั่นในไร่ก็สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อย ความสุนทรียภาพถูกถ่ายทอดผ่านอากาศอันบริสุทธิ์ ทิวทัศน์อันสวยงาม บรรยากาศที่สงบเงียบ ความเป็นกันเองของผู้คน และการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.085-482-6559

ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง จ.นครราชสีมา

ฟาร์มสเตย์ไร่คืนรัง จ.นครราชสีมา : คืนรังสไตล์ เที่ยวแบบไร้คาร์บอน

เป็นฟาร์มสเตย์แห่งแรกในชุมชนคุ้มโนนสำราญ​ ที่อาศัยพื้นฐานทางเกษตรกรรมมาสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนเรียนรู้วิถีแบบบ้านๆ​ และสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีพื้นที่ 20 กว่าไร่ แบ่งเป็น บ่อน้ำ 5-10 ไร่ ผืนนาปลูกข้าวออร์แกนิก 5 ไร่ ปศุสัตว์ 5 ไร่เลี้ยงวัว 3 ตัว ควาย 3 ตัว เป็ด 40 ตัว ไก่ 100 ตัว ปลูกมะพร้าวน้ำหอม พืชผัก ไม้ป่าอื่นๆ รวมถึงห้องพัก 4 หลัง โดยการผสานบรรยากาศแบบชาวไร่ที่ทำเกษตรผสมผสาน พร้อมสัมผัสวิถีการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายแบบไม่เร่งรีบ ภายในฟาร์มที่พึ่งพาตัวเองและชุมชนใกล้เคียงแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ”ไร่คืนรัง” ให้มันจบที่บ้านเรา วงจรแห่งความยั่งยืน

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 089-244-1369

สวนส้มโอไทยทวี จ.นครปฐม

สวนส้มโอไทยทวี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ มีกิจกรรมให้เรียนรู้มากมาย อย่างกิจกรรมไฮไลท์คือการล่องเรือชมสวน เรียนรู้เทคนิคการเก็บส้มโอ โดยคุณธนกฤต จะเป็นคนพายเรือและสาธิตการเก็บส้มโอด้วยตัวเอง และระหว่างล่องเรืออยู่นั้น คุณจะได้เห็นปลาหลากชนิดในร่องสวนกระโดดขึ้นมาอวดโฉมเหมือนกับการแสดงโชว์ หากใครไม่สะดวกล่องเรือ ก็สามารถเดินชมสวนส้มโอได้เลย ที่สวนทำสะพานเชื่อมให้เดินข้ามไปบริเวณร่องสวนแบบสะดวกสบาย ทั้งยังเป็นจุดชมวิวสวนที่สวยจุดหนึ่งเลย

ภายในสวนปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง มีจุดเด่นคือ มีขนาดใหญ่ หวานอมเปรี้ยวกำลังดี เก็บจากต้นรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ลืมต้น และพันธุ์ทองดีที่มีรสชาติหวานหอม เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าน้ำไหลทรายมูล และไฮไลท์สำคัญคือทางสวนนำกิ่งพันธ์ส้มโอทับทิมสยามมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช นำมาปลูกที่อำเภอนครชัยศรีได้เป็นผลสำเร็จ มีลักษณะและรสชาติหวานเหมือนกับต้นฉบับเลยทีเดียว มีให้เลือกซื้อหากันตามชอบ และยังมีกิ่งพันธ์ส้มโอจำหน่ายด้วย

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 083-626-5499

การพัฒนาต่อยอดหน่วยธุรกิจและชุมชนสู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นี้ นอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่า สร้างจุดเด่น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยในตลาดโลก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการสร้างความตระหนักรู้ และคุณค่าในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่บุคลากรในหน่วยธุรกิจและนักท่องเที่ยว อีกทั้ง นักท่องเที่ยวยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนในท้องถิ่น ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอีกด้วย

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด
ที่อยู่:  39 หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร. 092-185-6699
Line: @DASHMV

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

BCG Model สู่ BCG Tourism ส่งเสริมการท่องเที่ยวเกษตรไทย

BCG Model สู่ BCG Tourism ส่งเสริมการท่องเที่ยวเกษตรไทย

BCG-Tourism

สารบัญเนื้อหา

เมื่อสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)  อุบัติขึ้นบนโลก อุตสาหกรรมต่าง ๆ ถูกบีบบังคับให้ขับเคลื่อนไม่ได้ การดำเนินชีวิตต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ นอกจากความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแล้ว วิกฤติการณ์นี้ยังทำให้เรามองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือการที่ธรรมชาติซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนที่เราใช้ไปกับการท่องเที่ยวได้โอกาสในการฟื้นฟูให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

และประเทศไทยเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งในเรื่องอาหาร วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายในประเทศ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างสิ้นเปลือง หลีกเลี่ยงการสร้างมลภาวะให้สถานที่ท่องเที่ยว และพัฒนาหรือแปรรูปผลผลิตด้วยเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ จึงสามารถนำแนวคิด BCG Model มาประยุกต์ใช้ในการท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีอินทรีย์ในไทยได้

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

ทำความรู้จักหลักการของ แนวคิด BCG

ทำความรู้จักหลักการของ แนวคิด BCG

BCG Model เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่

B - Bioeconomy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ

การทำเศรษฐกิจชีวภาพ เป็นการนำเอาเทคโนโลยีการจัดการผลผลิต ในรูปแบบ Smart Farming ที่เน้นการดูแลผลผลิตและการท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีอินทรีย์อย่างครบวงจร มีการดูแลกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ หรือการพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพและปลอดสารเคมีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชนวิถีอินทรีย์ 

ตัวอย่างการทำศรษฐกิจชีวภาพ เช่น วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์คลองโยง จังหวัดนครปฐม เป็นตัวอย่างการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเศรษฐกิจชีวภาพ เพราะมีการเพาะปลูกพืชอินทรีย์ปลอดสารเคมีหมุนเวียนกว่า 20 ชนิด ตลอดจนมีระบบจัดการตั้งแต่การเตรียมดิน การจัดการแปลงเพาะปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและการขายผลผลิตเพื่อสร้างรายได้ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการระบบเกษตรอินทรีย์ IFOAM จากสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

C - Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน

การทำเศรษฐกิจหมุนเวียน คือการนำเอาผลผลิตหรือบริการในท้องถิ่นที่มีอยู่นำมาทำให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวจะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การออกแบบการผลิตตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้วัตถุดิบถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด และสามารถนำวัตถุดิบกลับมาใช้ซ้ำ ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยต้องเป็นวัตถุดิบที่สามารถผลิตทดแทนขึ้นมาใหม่ได้ ทั้งนี้จะช่วยลดปริมาณการใช้วัตถุดิบ และเพิ่มประสิทธิภาพให้ใช้งานได้หลากหลาย และสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างการทำเศรษฐกิจหมุนเวียน ได้แก่ คุ้งบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ และ The best Urban Oasis of Asia โดยนิตยสาร Time ซึ่งสมาชิกในชุมชนมีการนำเอาผลผลิตท้องถิ่นมาแปรรูป เช่น การทำวิสาหกิจชุมชนหัตถศาสตร์เพื่อสุขภาพ กิจกรรมบริการนวดและสาธิตการทำลูกประคบสมุนไพร จำหน่ายหมอนรองคอ เข็มขัดธัญพืช หมอนคลุมไหล่ หมอนกดจุด ธูปหอมสมุนไพร ผ้ามัดย้อม และบริการโฮมสเตย์ที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้ใบตองและวัสดุย่อยสลายง่ายบรรจุอาหาร ส่งเสริมให้ใช้ถุงผ้า และปั่นจักรยานท่องเที่ยวแทนการใช้รถยนต์

G - Green Economy เศรษฐกิจสีเขียว

ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน อยู่ภายใต้กรอบเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Green Economy ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเกษตรให้มีความยั่งยืน โดยลดการสร้างมลพิษหรือใช้สารเคมี ทั้งจากชุมชนและนักท่องเที่ยว ลดปริมาณขยะและสามารถแปรรูปให้เกิดมูลค่า พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกให้ชุมชนและนักท่องเที่ยวร่วมกันอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุด

ตัวอย่างการทำเศรษฐกิจสีเขียว เช่น ชุมชนบ้านอำเภอ จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนต้นแบบด้านการทำแหล่งท่องเที่ยวเศรษฐกิจสีเขียว เนื่องจากเดิมในชุมชนมีปัญหาขยะมากถึงวันละ 37 ตัน และขยะตามฤดูกาลที่พัดมาจากทะเล โดยมีการแก้ปัญหาโดยนำขยะพลาสติกมาผ่านกระบวนการเปลี่ยนรูปเป็นวัสดุก่อสร้างเพื่อจำหน่ายเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และมีเป้าหมายพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างงาน สร้างอาชีพ และห้องทดลองเพื่อพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ และสนับสนุนด้านการจัดการขยะพลาสติกอัพไซคลิ่ง เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนมีโอกาสเป็นผู้นำในการรณรงค์เรื่องการจัดการขยะชุมชนด้วยตนเอง

จะเห็นได้ว่า การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้วย BCG Model จะช่วยให้ชุมชนและนักท่องเที่ยวมีบทบาทร่วมกันในการดูแลแหล่งท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน และเราเชื่อว่ายังมีอีกหลายชุมชนที่ต้องการทำแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นวิถีอินทรีย์ด้วยแนวคิด BCG Model ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผลิตภัณฑ์และสินค้าต่าง ๆ ในพื้นที่ อาทิ ส่งเสริมโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปรู้จักกับผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้า GI ซึ่งจะทำให้เกิดกระจายรายได้สู่ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ในพื้นที่ และยังสามารถเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนตลอดไป

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยในปี 2562 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท ถึงแม้ในอดีตการท่องเที่ยวจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น แต่ก็มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย โดยปัญหาที่สำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือเรื่องขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว (Carrying Capacity)  โดยส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง

ทรัพยากรธรรมชาติทางการท่องเที่ยว ในอนาคตเราจึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและยั่งยืน และควรเน้นคำว่า “กำไร” มากกว่าคำว่า “รายได้” โดยกำไรอาจหมายถึงการที่ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีความสมดุลกันระหว่างอุปสงค์ (Demand) ที่เป็นความต้องการของนักท่องเที่ยว และอุปทาน (Supply) สินค้า/บริการทางการท่องเที่ยว รวมทั้งผู้ประกอบการหรือธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของการท่องเที่ยว (Tourism Supply Chain) สามารถทำกำไรมากกว่าขาดทุน เลิกเบียดเบียนต้นทุน พร้อมทั้งเติมต้นทุน โดยจะต้องคำนึงถึงเรื่องสังคม วิถีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โดยการนำจุดแข็งของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมมาต่อยอดและยกระดับมูลค่าสินค้าและบริการ โดยในระยะแรกจะมุ่งเน้น 4 สาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ 1) เกษตรและอาหาร 2) สุขภาพและการแพทย์ 3) พลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ และ 4) การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

“การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์” จึงเป็นการท่องเที่ยวตามแนวคิด BCG ที่มุ่งเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งเริ่มต้นแนวคิดการท่องเที่ยวใหม่โดยใช้การวิจัยความรู้ในเรื่องขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว (Carrying Capacity) นโยบายรัฐบาล (Government Policy) และ มาตรฐานระดับประเทศ (National Standard) เข้ามาจัดระเบียบทิศทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม เกิด Demand และ Supply ที่สมดุลกัน ทำให้ด้าน Supply สามารถมองหามาตรฐานในการปรับปรุงสินค้าและบริการของตนเองในแนวคิดของ BCG Model ได้

BCG Model เป็นกลไกที่มีศักยภาพสูงในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศอย่างทั่วถึง สามารถกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันสามารถสร้างให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในบางสาขาที่ประเทศไทยมีศักยภาพ จึงได้กำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน BCG Model ดังนี้จึงได้กำหนดเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อใช้ในการขับเคลื่อน BCG Model ดังนี้

  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก
  • พัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการโดยคนในชุมชน ส่งเสริมให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าและอัตลักษณ์ของสินค้าทางการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่
  • บริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ สร้างมาตรฐานความสะอาด สะดวก ปลอดภัย
  • นำเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว โดยจะต้องคำนึงถึงต้นทุนทางทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
  • ส่งเสริมสินค้า GI ที่กระทรวงพาณิชย์พัฒนาขึ้นมาไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสินค้าที่น่าภูมิใจของท้องถิ่นต่าง ๆ ที่มีทั้งเรื่องราวให้เล่าขาน มีลักษณะเฉพาะตัว และมีคุณค่า ทำให้คนไทยเกิดความภูมิใจในประเทศไทยจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ อยากเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างประเทศ

การส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยเชิญชวนให้เกษตรกรที่ทำการเกษตรอินทรีย์ ผู้ประกอบการโรงแรมร้านอาหาร และนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้บริโภคเมนูอาหารที่ทำจากวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์ มาร่วมกันใช้ Platform ของ “สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย” หรือ TOCA (Thai Organic Consumer Association) ซึ่ง TOCA Platform เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ โดยจะมีส่วนร่วมในงานด้านการจัดการงานต้นน้ำ (การทำเกษตรอินทรีย์) ด้านการจัดการงานซื้อขาย (E-commerce: B2B, B2C) ด้านสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ประกอบการและผู้บริโภค และด้านการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic)

โดยรัฐบาลคาดหวังว่าโมเดลเศรษฐกิจ BCG จะช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมที่เป็นสาขาหลักของประเทศที่ยังคงอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก และจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และมีกระบวนการผลิตที่ไม่ทิ้งร่องรอยเสียหายให้กับประเทศ โดยการท่องเที่ยวจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยเล่าเรื่องที่ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของสินค้าและบริการได้ ซึ่งทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องพยายามนำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดี พร้อมทั้งจะต้องต่อยอดความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม โดยเชื่อมโยงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อทำให้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ในมิติด้านการท่องเที่ยวเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด
ที่อยู่:  39 หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร. 092-185-6699
Line: @DASHMV

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

การเดินทางในประเทศไทยนั้นกินพลังงานชีวิต เรียกว่าเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในชีวิตประจำวันก็ว่าได้ เนื่องจากการเดินทางในประเทศของเราด้วยรถสาธารณะนั้นยังมีตัวเลือกให้บริการอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นพื้นที่นอกตัวเมือง การหารถสาธารณะเพื่อเดินทางให้ถึงจุดหมายยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ “รถรับส่งพนักงาน” จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการหรือบริการที่แต่ละองค์กรควรให้ความสนใจ เพื่อที่จะได้เข้ามาอุดรอยรั่วดังกล่าวและทำให้พนักงานรู้สึกได้รับการอำนวยความสะดวก ทำให้มีกำลังใจในการเดินทางมาทำงานในแต่ละวันเนื่องจากไม่ต้องเสียแรงยืนรอหรือเบียดเสียดกับผู้อื่นเพื่อใช้รถสาธารณะ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าทำไมแต่ละองค์กรจึงควรมีรถรับส่งพนักงาน รวมถึงขั้นตอน สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำสวัสดิการรถรับส่งพนักงานแบบมืออาชีพด้วยว่าเป็นอย่างไร

ที่เที่ยวพังงา ตะกั่วป่า สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ที่เที่ยวพังงา ตะกั่วป่า สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

สารบัญเนื้อหา

การท่องเที่ยวมีหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่หมายถึง การเที่ยวเพื่อศึกษาหาความรู้ในพื้นที่หรือในบริเวณที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ มีการบอกเล่าเรื่องราวของสังคมผ่านองค์ความรู้ต่างๆ และสามารถถ่ายทอดให้เราได้เห็นคุณค่าของประวัติ ความเป็นมา การดำเนินชีวิต หรือสภาพแวดล้อมของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นแง่เศรษฐกิจ สังคม หรือขนบธรรมเนียมประเพณี

ดังนั้น ใครกำลังเบื่อการไปเที่ยวห้างหรูในเมือง อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสความเรียบง่าย อบอุ่นหัวใจ และอยากเที่ยวแบบใกล้ชิดวัฒนธรรมไทยมากกว่าเดิม วันนี้ DASH MV มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจมาฝาก หลายๆ คนที่เดินทางมาเที่ยวที่พังงาน่าจะเคยมาเยือน อำเภอตะกั่วป่า กันอย่างแน่นอน แล้วรู้ไหมว่า ที่นี่มีจุดชมวิว จุดเช็คอิน ที่สร้างขึ้นมาจากร่องรอยในอดีตของตะกั่วป่าแห่งนี้

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

สะพานเหล็ก บุญสูง

สะพานเหล็ก บุญสูง

สะพานเหล็กบุญสูง หรือ สะพานเหล็กโคกขนุน ตั้งอยู่ในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นสะพานขนาดเล็กๆ แต่มีเรื่องราวในอดีตที่อยู่คู่อำเภอตะกั่วป่ามาอย่างยาวนาน เมื่อก่อนนั้นที่นี่เคยได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เฟื่องฟูในการทำเหมืองแร่ดีบุกอย่างมาก แต่ต่อมาเมื่อหมดยุครุ่งเรื่องของเหมืองแล้ว ในปี พ.ศ.2511 ก็ได้มีการนำเหล็กจากเรือขุดแร่ มาสร้างเป็นสะพานเหล็กโคกขนุนแห่งนี้นั่นเอง ซึ่งสะพานเหล็กบุญสูงเชื่อมต่อกันยาวรวม 200 เมตร เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจรข้ามไปมา โดยตัวสะพานจะทอดยาวผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวสวยงามและแม่น้ำตะกั่วป่า เพราะบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามนี้ สะพานเหล็กบุญสูงจึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีวิวภูเขาสวยงามอยู่ด้านหลังไกล ๆ เวลาได้มองไปจะรู้สึกสดชื่นมาก ๆ มุมสวยๆ ของสะพานเหล็กบุญสูงนั้นจะเป็นภาพของสะพานที่ทอดยาวผ่านทุ่งสีเขียวขจี สามารถมองเห็นได้ทั้งต้นไม้นานาชนิดและทิวเขาไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นจุดเช็คอินที่มีทั้งความทรงจำและวิวสวยๆ แบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ใครมาเยือนตะกั่วป่า ก็ต้องมาแวะถ่ายภาพสวยๆ กันกลับไป

ขนมเต้าส้อ ร้านตวงรัตน์

ขนมเต้าส้อ ร้านตวงรัตน์

ขนมเต้าส้อ เป็นขนมมงคลพื้นถิ่นของคนภูเก็ต-พังงา โดยมีจุดเริ่มต้นจากชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน ที่นิยมทำขนมเต้าส้อรับประทานกัน เดิมมีเพียง 2 ไส้ คือ ไส้หวานและไส้เค็ม แต่ปัจจุบันมีการดัดแปลงไส้ต่าง ๆ มากขึ้น ตัวขนมจะมีแป้งที่บาง กรอบนอก นุ่มใน และมีลักษณะที่คล้ายกับขนมเปี๊ยะ ในอดีตจะต่างกันที่ขนาดและไส้นั่นเองค่ะ ขนมเต้าส้อถือได้ว่าเป็น #LocalFood ของดีจังหวัดพังงาเลยนะคะ โดยเฉพาะถ้าใครมาเที่ยวและมองหาของฝาก เราแนะนำให้ลองมาที่ #ร้านตวงรัตน์ เพราะเป็นร้านขนมเต้าส้อที่สืบทอดความอร่อยมาจากบรรพบุรุษยาวนานกว่า 100 ปี เลยค่ะ

ศาลเจ้าปุนเถ้ากงอำ

ศาลเจ้าปุ่นเท่ากงอำ

ศาลเจ้าเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองตะกั่วป่า ที่สร้างโดยชาวจีนที่อพยพเข้ามาทำเหมืองแร่ในเมืองตะกั่วป่า ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเชื้อสายฮกเกี้ยน ไหหลำ และกวางตุ้ง โดย #ศาลเจ้าปุนเถ้าก๋งอำ มีเทพเจ้าปุนเถ้าก๋ง เป็นองค์เทพเจ้าประธาน เพราะมีความเชื่อที่ว่าท่านจะช่วยปกป้องให้ความร่มเย็น และช่วยให้ทำมาค้าขายเจริญ

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

วัดคูหาภิมุข (วัดควนถ้ำ)

วัดคูหาภิมุข (วัดควนถ้ำ)

วัดโบราณที่มีอายุกว่า 300 ปี สิ่งสำคัญภายในวัด คือ อุโบสถที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2513 โดยนางฮวดบี ซึ่งมีอักขระจารึกอยู่ด้านหลัง ภายในมีพระพุทธรูปหินแกะสลักเป็นภาพนูนต่ำมีปลวกทำรังสูงอยู่ด้านหลัง ส่วนใบเสมาโดยรอบจะทำเป็นรูปพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าวัดจะมีรูปปั้นฤๅษีโบราณตั้งอยู่ โดยอุโบสถนี้สามารถทำพิธีกรรมทางศาสนาได้จริงด้วยนะคะ นอกจากนี้แล้วที่วัดคูหาภิมุข หรือ วัดควนถ้ำ ยังเคยขุดเจอลูกนิมิตรในช่วงที่บูรณะวัดใหม่ด้วย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญสำหรับชาวบ้านจังหวัดพังงา

ถนนคนเดิน ถนนศรีตะกั่วป่า

ถนนคนเดิน ถนนศรีตะกั่วป่า

ถนนศรีตะกั่วป่า ถนนสายวัฒนธรรม ที่ปิดถนนแล้วเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านมาขายของยาว ๆ ริมสองฝั่งถนน หลากหลายไปด้วย Local Food แสนอร่อย และสินค้างานฝีมือที่สวยงามผลงานของชาวบ้าน ในอดีตถนนเส้นนี้เป็นถนนสายเศรษฐกิจ เพราะเป็นตลาดใหญ่ย่านชุมชน ทำให้มีความคึกคักและเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ บรรยากาศของ #ถนนคนเดินตะกั่วป่า นี้ มีความคลาสสิกเป็นอย่างมาก เพราะสองฝั่งทางเป็นบ้านตึกปูนโบราณที่สวยงาม รวมถึงมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ กับรูปวาดฝาผนังที่วาดถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนด้วย

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตลาดใหญ่

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตลาดใหญ่

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตลาดใหญ่ ตำบลตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เดิมเคยเป็นที่ตั้งเมืองตะกั่วป่า ซึ่งเคยคึกคัก และรุ่งเรืองมากเมื่อหลายสิบปีก่อน เนื่องจากชาวจีนเข้ามาทำเหมืองแร่จำนวนมาก การก่อสร้างบ้านเรือนเป็นลักษณะที่เป็นตึกแถวแบบชิโน-โปรตุกีสที่น่าชม สามารถเดินชมเมืองได้โดยใช้เวลาไม่มากนัก มีความโดดเด่นคือ การดำเนินชีวิต และวัฒนธรรมที่มีศิลปกรรมแบบชิโน – โปรตุเกส ที่คนในชุมชนอนุรักษ์ไว้

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทยนั้นยังมีอีกหลายแห่ง แต่ละแห่ง แต่ละชุมชน ก็มีเสน่ห์น่าค้นหาในแบบของตัวเอง ใครไปเที่ยวธรรมชาติ เที่ยวแอดเวนเจอร์ หรือไปเยือนที่เที่ยวฮิตๆ จนเบื่อแล้ว ลองกลับสู่ความเรียบง่ายในแบบฉบับการเที่ยวชุมชนท้องถิ่นและที่เที่ยวเชิงวัฒนธรรมดูบ้าง นอกจากเที่ยวใส่ใจ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราแล้ว การเที่ยวแบบลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงกระจายรายได้ให้กับชุมชนเล็ก ๆ หรือชุมชนเก่าแก่ของแต่ละที่ก็ถือเป็นการท่องเที่ยวที่ดีเหมือนกัน เชื่อว่าก็เที่ยวสนุกและประทับใจได้ไม่แพ้กันแน่นอน

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด
ที่อยู่:  39 หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร. 092-185-6699
Line: @DASHMV

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

การเดินทางในประเทศไทยนั้นกินพลังงานชีวิต เรียกว่าเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในชีวิตประจำวันก็ว่าได้ เนื่องจากการเดินทางในประเทศของเราด้วยรถสาธารณะนั้นยังมีตัวเลือกให้บริการอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นพื้นที่นอกตัวเมือง การหารถสาธารณะเพื่อเดินทางให้ถึงจุดหมายยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ “รถรับส่งพนักงาน” จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการหรือบริการที่แต่ละองค์กรควรให้ความสนใจ เพื่อที่จะได้เข้ามาอุดรอยรั่วดังกล่าวและทำให้พนักงานรู้สึกได้รับการอำนวยความสะดวก ทำให้มีกำลังใจในการเดินทางมาทำงานในแต่ละวันเนื่องจากไม่ต้องเสียแรงยืนรอหรือเบียดเสียดกับผู้อื่นเพื่อใช้รถสาธารณะ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าทำไมแต่ละองค์กรจึงควรมีรถรับส่งพนักงาน รวมถึงขั้นตอน สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำสวัสดิการรถรับส่งพนักงานแบบมืออาชีพด้วยว่าเป็นอย่างไร

รถบัสเพื่อการพาณิชย์ ตัวช่วยฟื้นฟูธุรกิจอีกทางเลือกหนึ่ง

รถบัสเพื่อการพาณิชย์ ตัวช่วยฟื้นฟูธุรกิจอีกทางเลือกหนึ่ง

รถบัสเพื่อการพาณิชย์

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติในทุกมิติ การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศเพื่อยับยั้งการระบาดทำให้ผู้คนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในวงกว้างด้วย ที่สำคัญ วิกฤตในครั้งนี้ได้ทิ้งร่องรอยหลายอย่างไว้สำหรับโลกใหม่ บางอย่างจะเลือนหายไปกับกาลเวลา ขณะที่การเปลี่ยนแปลงอีกบางอย่างจะไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งเกิดจากปัจจัยแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นกระแสสังคม โครงสร้างพื้นฐาน ความต้องการของผู้บริโภค และวัฏจักรเศรษฐกิจ หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้เป็นตัวเร่งให้กระแสต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นนั่นเอง

ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกหดตัวเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมหลายแห่งพยายามปรับตัว มีทั้งบริษัทที่ไปรอดและไปไม่รอด ซึ่งในประเทศไทยหลังจากได้มีการยกเลิก Test & Go ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้  และตั้งแต่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบทำให้การเดินทางเข้าประเทศกลับสู่ภาวะปกติ และมีอัตราการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จนอาจทำให้การท่องเที่ยวกลายเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ได้

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

ในปัจจุบันธุรกิจบริการเช่ารถบัสมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้การที่จะเลือกใช้บริการต้องพิจารณาในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความน่าเชื่อ ความปลอดภัยในการเดินทาง และราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมแล้วธุรกิจอื่นก็สามารถใช้รถบัสไปปรับใช้ในธุรกิจได้เช่นกัน ในโรงเรียนบางแห่งที่มักจะมีบริการรับส่งนักเรียน ยิ่งในช่วงเปิดเทอมแบบนี้ควรเลือกรถบัสที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ แข็งแรง ทนทาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน รวมไปถึงบริษัทที่มีบริการรถบัสรับส่งพนักงานก็สามารถนำรถบัสไปใช้ได้เช่นกัน

นอกจากนั้นรถบัสยังสามารถนำไปใช้ในธุรกิจบันเทิงได้อีก ในกรณีที่ต้องไปออกกองต่างจังหวัด โดยที่มีทีมงานและนักแสดงจำนวนมาก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ต้องขึ้นเครื่องบ่อย ๆ และไม่ต้องมีปัญหาภายหลัง ซึ่งการจะเลือกใช้รถบัสนั้นจะต้องดูที่ระบบรถต้องมีประสิทธิภาพ ระบบควบคุมการทรงตัวที่มั่นคง เพื่อช่วยส่งแรงเบรกไปที่ล้ออัตโนมัติ ป้องกันการหลุดโค้งเมื่อถนนเปียกลื่น มีระบบป้องกันผู้โดยสารและผู้ขับขี่กรณีมีเหตุฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตามรถบัสเพื่อการพาณิชย์ยังสามารถสร้างโอกาสที่หลากหลายได้ให้กับผู้ประกอบการได้อีกมากมาย เพียงแค่ผู้ประกอบการคิดอย่างรอบคอบและลงมือทำไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว หรือธุรกิจอื่น ๆ ก็มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงนี้เช่นเดียวกัน  แต่หากจะเลือกรถบัสทั้งทีควรเลือกที่มีความปลอดภัยสูง ขับขี่ง่าย สะดวกสบาย อายุการใช้งานยาวนาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยก็ยิ่งสมบูรณ์แบบ

และหากใครต้องการใช้บริการเช่ารถบัส DASH MV ยินดีให้บริการเช่ารถบัสและรถตู้ที่เติมเต็มทุกการเดินทาง พร้อมสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทางให้กับทุกท่าน  โดยมีพนักงานขับที่มากด้วยประสบการณ์ จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยในทุกๆการเดินทางนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่สามารถควบคุมความเร็วที่มีประสิทธิภาพรวมถึงพนักงานขับรถของเราได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ทำให้ทุกการเดินทางนั้นปลอดภัยและมั่นใจทุกการเดินทางของผู้ใช้บริการ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด
ที่อยู่:  39 หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
เบอร์โทร. 092-185-6699
Line: @DASHMV

DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

การเดินทางในประเทศไทยนั้นกินพลังงานชีวิต เรียกว่าเป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในชีวิตประจำวันก็ว่าได้ เนื่องจากการเดินทางในประเทศของเราด้วยรถสาธารณะนั้นยังมีตัวเลือกให้บริการอย่างไม่เพียงพอ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นพื้นที่นอกตัวเมือง การหารถสาธารณะเพื่อเดินทางให้ถึงจุดหมายยิ่งยากขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ “รถรับส่งพนักงาน” จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการหรือบริการที่แต่ละองค์กรควรให้ความสนใจ เพื่อที่จะได้เข้ามาอุดรอยรั่วดังกล่าวและทำให้พนักงานรู้สึกได้รับการอำนวยความสะดวก ทำให้มีกำลังใจในการเดินทางมาทำงานในแต่ละวันเนื่องจากไม่ต้องเสียแรงยืนรอหรือเบียดเสียดกับผู้อื่นเพื่อใช้รถสาธารณะ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าทำไมแต่ละองค์กรจึงควรมีรถรับส่งพนักงาน รวมถึงขั้นตอน สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำสวัสดิการรถรับส่งพนักงานแบบมืออาชีพด้วยว่าเป็นอย่างไร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร อีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกร สร้างจุดขายให้ชุมชน

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร อีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกร สร้างจุดขายให้ชุมชน

ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สารบัญเนื้อหา

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agro-tourism เป็นทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจ ที่จะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมกิจกรรม Unseen in Thailand ที่น่าติดตามยิ่ง ขณะที่ในภาพรวมของการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยกว่า 1.2 ล้านบาท/ปี และท่องเที่ยวเชิงเกษตรก็เป็นกิจกรรมสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางมากที่สุด 

แนะนำกิจกรรมเล่นแก้ง่วง ระหว่างเดินทางออกทริป

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นการคิดค้นเอาทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่ในประเทศมาจัดกิจกรรมหรือจัดเป็นรูปแบบทางการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจและอยากเดินทางไปเที่ยว การขยายเส้นทางการท่องเที่ยว และเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น อีกท้ังยังเป็นการอนุรักษ์และการให้ความรู้ในคุณค่าของภูมิปัญญาของเกษตรกรไทย

การเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์และเลี้ยงสัตว์เพื่อชื่นชมความสวยงาม ความสำเร็จและเพลิดเพลินในสวนเกษตร ได้ความรู้มีประสบการณ์ใหม่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ  มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนั้น และยังช่วยกระตุ้นให้รักการทำเกษตรด้วยตัวเองอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันมีการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรมากขึ้น เช่น โครงการสาธิตการเกษตรแบบพอเพียง มีการจัดทำทางเดินบนไร่นา มีที่ถ่ายรูปสวยๆ ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะชม และได้เรียนรู้รวมทั้งได้ซึมซับวิถีการเกษตรไปในตัวด้วย ถือว่าการท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับความนิยมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้อย่างดีทีเดียว

ความหมายของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร คือ การท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นทางด้านการเรียนรู้วิถีเกษตรกรรมของชาวชนบท โดยเน้นการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยวในการดำเนินกิจกรรมให้เกิดการเรียนรู้มาทำให้เกิดประโยชน์ก่อให้เกิดรายได้ต่อชุมชน และตัวเกษตรกร การท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะเป็นการอนุรักษ์ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม

รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสภาพของสถานที่และจุดท่องเที่ยวใกล้เคียง แต่โดยหลักแล้วก็จะมีการเข้าชมสวนระยะสั้น ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลผลิตด้วยการเก็บเองจากสวนโดยตรง หรือที่เป็นที่นิยมกันมาก คือ บุฟเฟ่ต์ผลไม้

ส่วนการท่องเที่ยวระยะยาวขึ้นคือการพักค้างแรมในสวนหรือในหมู่บ้าน พร้อมกับร่วมกิจกรรมในชุมชน หรือที่เรียกว่าฟาร์มสเตย์ (farmstay) โดยการท่องเที่ยวแบบนี้จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากกว่าระยะสั้นเพราะนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนมากกว่าการเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ

โดยกิจกรรมนั้นมีได้ทั้งการเที่ยวชมสวนเพื่อเรียนรู้เรื่องการผลิต การให้นักท่องเที่ยวร่วมมือทำกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การดำนา การเก็บพืชผัก การตกปลา เก็บไข่ไก่ แล้วนำผลผลิตที่ได้มาทำอาหารกับนักท่องเที่ยวโดยตรง หรือหากบริเวณชุมชนมีจุดท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น หมู่บ้านจักสาน หล่อศาลพระภูมิ ไม้แกะสลัก ก็สามารถนำเสนอเพื่อให้ความรู้ เพิ่มพูนความต้องการที่จะอนุรักษ์ให้แก่นักท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้ชุมชนเหล่านั้นอีกด้วย

ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งการท่องเที่ยวแบบนี้สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเป็นการหลีกหนีชุมชนที่หนาแน่และต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องทางการเกษตร และเรื่องอื่นๆ มากมาย โดยการท่องเที่ยวเชิงเกษตรมีประโยชน์ ดังนี้

  1. โอกาสจากการมีรายได้มากขึ้น จากหลากหลายทางที่ไม่ใช่จากผลผลิตทางการเกษตรเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการยังสามารถมีรายได้เพิ่มจากการแปรรูปสินค้าเกษตร การเก็บค่าเข้าชม การจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเป็นต้น
  2. รายได้เพิ่ม แต่ไม่ต้องเพิ่มที่ดินท ากิน โดยการนำทฤษฎีเกษตรผสมผสานมาปรับใช้ในพื้นที่ทำกินที่ไม่อยู่จำกัดหรือมีขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพ มีรายได้เพิ่ม มีผลผลิตที่หลากหลาย
  3. เมื่อเทียบกับตลาดสินค้าแบบดั้งเดิม การท่องเที่ยวเชิงเกษตรน าเสนอวิธีการใหม่ของการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าการเกษตร ได้แก่ การแปรรูปผลผลิตให้มีมูลค่าเพิ่ม
  4. โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ จากทรัพยากรที่เกษตรกรมีอยู่แล้ว

  5. เป็นการสร้างกิจการ เพื่อครอบครัวและลูกหลานในอนาคต เป็นวิธีการหนึ่งในการดึงดูดให้คนหนุ่มสาวเดินทางกลับมาประกอบอาชีพในท้องถิ่น
  6. เป็นธุรกิจหนึ่งที่ผู้เกษียณอายุ สามารถดำเนินการได้เอง

  7.  เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกคนที่สนใจเรื่องการเพาะปลูกและการเกษตร ทั้งตัวเกษตรกรเอง นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไปที่อยากศึกษา หาความรู้เพิ่มเติมด้านการเกษตร หรือความรู้การเลือกซื้อสินค้าการเกษตร การจัดเก็บ เป็นต้น
  8. แสดงวิธีการดูแลและป้องกันผืนดินและทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหนึ่งในวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียว โดยการจัดทำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อลดปัญหาการขายที่ดิน และปัญหาสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาในท้องถิ่น
  9. เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราววิถีทางทำเกษตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นทั้งสมัยโบราณ และสมัยใหม่ด้วย เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การปลูกข้าว เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำนา เป็นต้น

นอกจากจะได้รับความรู้ความเพลิดเพลินจากประสบการณ์ตรงของเกษตรกรแล้ว ยังได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมท้องถิ่น เทคโนโลยีการเกษตรต่างๆ อีกทั้งเป็นการกระจายรายได้โดยตรงสู่เกษตรกร ช่วยสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ยังช่วยให้คนไทยหันกลับมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้นด้วย

ลักษณะกิจกรรมการเกษตร

แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรต้องการที่จะพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความเหมาะสม โดยเป็นการเชื่อมโยงภาคการเกษตรและวิถีชีวิตชุมชนเข้ากับภาคการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยกิจกรรมทางการเกษตรสามารถแบ่งกิจกรรมได้ตามลักษณะ ดังนี้

  1. การทำนา (Rice Cultivation) ได้แก่ การทำนาปี การทำนาปรัง การทำนาหว่าน น้า ตม การทา นาข้นั บนั ได พิพิธภณั ฑ์ขา้ว ความรู้เรื่องขา้วสายพันธุ์ต่างๆ ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าว วัฒนธรรมการกินข้าวไทย เป็นต้น
  2. การทำสวนไม้ตัดดอก (Cutting Flowers) การทำสวนดอกไม้เพื่อตัดดอกขายทุกชนิด เช่น สวนกุหลาบ ฟาร์มกล้วยไม้ สวนดอกไม้ประดับนานาชนิด ไม้กระถางทุกประเภท รวมถึงไร่ทานตะวัน
  3.  การทำสวนผลไม้ (Orchard) การทำสวนผลไม้ทุกประเภท รวมทั้งการทำวนเกษตร การทำเกษตรแผนใหม่ การทำสวนผสม รวมถึงการทำยางพารา สวนไผ่ สวนปาล์มน้ำมัน

  4. การทำผักสวนครัว (Vegetables) การปลูกพืชผักสวนครัวทุกประเภทรวมถึงการทำไร่สวนผัก ไร่ถั่ว ไร่ข้าวโพดข้าวฟ่าง ไร่พริกไทย เป็นต้น
  5. การทำสวนสมุนไพร (Herbs) การปลูกพืชสมุนไพรนานาชนิด เพื่อใช้เป็นอาหารเสริมพืชผักสวนครัวข้างบ้าน เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม เพื่อใช้เป็นเครื่องส าอาง และเพื่อใช้ในการแพทย์แผนไทย

  6. การทำฟาร์มปศุสัตว์ (Animal Farming) การเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจนานาชนิด อาทิ การเลี้ยงไหม การทำฟาร์มปลา การเลี้ยงหอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม หอยตะโกรม ฟาร์มจระเข้ และบางแห่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าหายาก เช่น ฟาร์มนกยูงฟาร์มไก่ฟ้า ฟาร์มกวาง รวมถึงสวนงูของสภากาชาดไทยอีกด้วย
  7. งานเทศกาลผลิตภัณฑ์ต่างๆ (Festival) การจัดงานเพื่อส่งเสริมการขายผลิตผลทางการเกษตร เมื่อถึงฤดูที่พืชผลเหล่าน้ันออกผล อาทิเช่น มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ งานเทศกาลลิ้นจี่ เทศกาลลำไย เทศกาลกินปลา เป็นต้น
สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร

ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ทำให้หลาย ๆ ที่ในประเทศมีการกระจายของพื้นที่ทางการเกษตรอยู่มากมาย และหลาย ๆ ที่ก็เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนมากหน้าหลายตาได้เข้ามาเยี่ยมเยียน พร้อมกับเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมอย่างเพลิดเพลิน เผื่อใครอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปทำกิจกรรมสนุกๆ ทั้งปลูกผัก เดินเล่นชมวิวของท้องไร่ท้องนา โดยในครั้งนี้  DASH MV จะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจกัน มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง

กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรตลาดน้ำท่าคา จังหวัดสมุทรสงคราม

ชุมชนท่าคา ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ชาวบ้านมีอาชีพทำสวนปลูกพืชล้มลุก เช่น หอม กระเทียม พริกสด ฯลฯ ในสมัยก่อนชาวบ้านนำพืชผักผลไม้ในสวนของแต่ละคนที่เหลือจากการเก็บไว้รับประทานในครัวเรือนมาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งชาวบ้านจะนัดแลกเปลี่ยนสินค้ากันในวันขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ โดยการสัญจรทางเรือ เนื่องจากในอดีตยังไม่มีถนน ต่อมาเมื่อมีการแลกเปลี่ยนระหว่างหมู่บ้านอื่นมากขึ้นจึงได้มีการพัฒนาเป็นตลาดน้ำท่าคาเพิ่มเป็นวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยสินค้าหลักของชุมชน คือ น้ำตาลสด น้ำตาลมะพร้าว ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เป็นต้น

กิจกรรมชุมชน ร่วมทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ต่างๆของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ตลาดน้ำท่าคาจากเรื่องราวของมะพร้าว ชมภูมิปัญญาการทำน้ำตาลมะพร้าว ได้แก่

  • การขึ้นเก็บน้ำตาลมะพร้าวจากต้น
  • การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวแบบโบราณ
  • เติมความหวาน เรียนรู้การทำขนมโบราณจากน้ำตาลมะพร้าวท่าคา
  • การจักสานก้านมะพร้าว ภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนท่าคา
  • การจักสานทางมะพร้าวสด นำมาสานเป็นหมวก ตะกร้า ฯลฯ
  • เรือดุ๊กดิ๊กจากกาบมะพร้าว

ข้อมูลติดต่อ
สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าคา โทร. 03-4766208 
คุณฐานิดา สีเหลือง ผู้ใหญ่บ้านท่าคา โทร. 08-67898130

แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

บ้านโคกเมือง ตั้งอยู่ในตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีอาณาเขตการปกครองแบ่งเป็น 4 หมู่บ้านคือ หมู่ที่ 6 หมุ่ที่ 9 หมู่ที่ 15 และหมู่ที่ 18 จำนวน 720 ครัวเรือน ชุมชนโคกเมืองเป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม ประชาชนที่มาตั้งหลักอพยพมาจากตำบลตาจง อำเภอละทานทราย (ปัจจุบัน) และจากการเสียราษฎรศรีโสภณ กัมพูชา ศรีษะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี เป็นชุมชนที่มีพื้นฐานความเจริญรุ่งรืองทางวัฒนธรรมมาก่อนในอดีต โดยมีหลักฐานทางโบราณสถานที่สำคัญ คือ ปราสาทเมืองต่ำที่มีอายุมากกว่า 1,400 ปี ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา และทำการเกษตรผสมผสาน เมื่อว่างจากการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักแล้วประชาชนกลุ่มแม่บ้านทำการทอผ้าไหมและทอเสื่อกก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเป็นการขยายตลาดสินค้า ที่ระลึก และสินค้ามีราคาถูก ขายง่าย กลุ่มพ่อบ้านทำการเกษตรพอเพียง ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ มีประเพณีบวงสรวงเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปราสาทเมืองตำในวันที่ 2-4 เมษายนของทุกปี โดยจะเปิดทำการเวลา

กิจกรรมชุมชน : ชมและศึกษากระบวนการผลิตข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟ สาธิตการทอเสื่อ การย้อมผ้าจากดินจากบ่อบารายศักศิ์สิทธ์ การชมฐานผลิตพืชผักสมุนไพรและการแปรรูปสมุนไพร เลือกซื้อของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์และผลผลิตทางการเกษตร ศูนย์ OTOP ชิมอาหารพื้นบ้านในรูปแบบขันโตก ชมระบำนางอัปรา ปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์ นอนบ้านพักโฮมสเตย์ ชมตลาดเช้าวิถีชุมชน

วิถีชีวิตชุมชน : วิถีชีวิตการทำการเกษตร การอยู่อาศัยของชาวบ้านอีสานใต้ ร่องรอยอารยธรรมขอม

การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว : ชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ลองปฏิบิติและเรียนรู้ตามฐานเรียนรู้ด้านการเกษตร

ข้อมูลติดต่อ
อบต.จรเข้มาก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โทร. 044-666-247-8
คุณส้มเกลี้ยง สืบวัน (ประธานโฮมสเตย์) โทร. 08 8193 8840
คุณประสิทธิ์ ลอยประโคน (ประธานหมู่บ้านท่องเที่ยว) โทร. 08 6721 1789

ศูนย์การเรียนรู้เกษตรเชิงสร้างสรรค์ ไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย

ศูนย์การเรียนรู้เกษตรเชิงสร้างสรรค์ ไร่รื่นรมย์ จังหวัดเชียงราย

ไร่รื่นรมย์ เป็นไร่ปลูกพืชผักแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งอยู่ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย โดยก่อตั้งจากคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจอยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ด้วยการเลือกทานพืชผักที่ไม่มีสารเคมีหรือเรียกแบบคุ้นหู คือ พืชเกษตรอินทรีย์ (Organic) ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่โดยหันมาสนใจและทานอาหารสุขภาพมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ตระหนักว่าผักเหล่านั้นมีสารเคมีตกค้างมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ทางไร่เริงรมย์จึงมีความตั้งใจในการโปรโมทสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้ผู้บริโภคได้เข้าใจและเข้าถึงในการหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยจะเปิดทำการทุกวัน เวลา 08:00 น. – 19:00 น.

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ได้ทำ สร้างการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งหลักการและการลงมือทำ อาทิ การทำเกษตรอินทรีย์, การทำปุ๋ยอินทรีย์, ปลูกต้นไม้ยืนต้น, การดำนา อีกทั้งถ้าใครสนใจทารทำไร่นาแบบเกษตรอินทรีย์ ที่นี่ก็ได้เปิดคอร์สสอนเป็นระยะๆ อีกด้วย

ข้อมูลติดต่อ
ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ อ.เทิง จ.เชียงราย โทร. 053 160 512, 025111942, 0818361387

สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน จังหวัดเชียงใหม่

ขุนช่างเคี่ยน หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใน เส้นทางเดียวกับ พระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิวเศน์ และบ้านม้งดอยปุย สถานีเกษตรที่สูง ขุนช่างเคี่ยนเป็น 1 สถานี เกษตรฯ ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับ เมล็ด พันธุ์กาแฟ ไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ พลับ บ๊วย พลัม อะโวกาโด มะคาเดเมีย และไม้ผลกึ่งร้อน ได้แก่ ลิ้นจี่ และในทุกๆปีของหน้าหนาวช่วงปลายธ.ค-ม.ค. แต่ในเนื่องจากสภาพอากาศ เริ่มแปรปรวนไป ก่อนเดินทางต้องโทรสอบถามไปอีกครั้ง ว่าบานแล้วหรือยัง ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือที่เรียกกันว่าซากุระเมืองไทย สีชมพู สดจะบานสะพรั่งอวดความงามไปทั่วบริเวณสถานีวิจัยและศูนย์ฝึก อบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน หมู่บ้านชาวม้ง บ้าน ขุนช่างเคี่ยนเต็มไปด้วยสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่มาก ทั้งตามข้างทางถึงในหมู่บ้าน โดยเปิดทำการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น.

ข้อมูลติดต่อ
สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน โทร. 053-944053 หรือ 053-222014

สวนผู้ใหญ่สมควร จังหวัดระยอง

สวนผู้ใหญ่สมควร จังหวัดระยอง

สวนผู้ใหญ่สมควร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 100 ไร่ แต่ที่จัดเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรนั้นตั้งอยู่บนเนื่อที่ร่วม 8 ไร่ ณ หมู่ที่ 3 (หมู่บ้านหนองพญา) ตำบลบ้านแลง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนที่เก่าแก่ที่สุดสวนหนึ่ง ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทั้งนี้จะมีต้นมังคุดขนาดใหญ่อายุ 100 ปี เป็นเครื่องยืนยัน ภายในสวนประกอบด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งล้วนเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดระยองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เงาะ มังคุด ทุเรียน กระท้อน ลิ้นจี่ ลองกอง ลางสาด ขนุน สละ ฯลฯ ความสด และปลอดภัยจากสารพิษ โดยการรับรอง GAP เป็นเครื่องยืนยัน

โดยที่ตัวสวนจะติดกับคลองชลประทาน ซึ่งจะมีลมพัดเย็นตลอดเวลา ภายในสวนบรรยากาศร่มรื่น มีการจัดเส้นทางเดินชมสวน และมีซุ้มสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน รับประทานผลไม้ในสวนนานาชนิด โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของสวนผู้ใหญ่สมควรคือ ต้นมังคุด 100 ปี จะมีขนาดลำต้นที่ใหญ่ สูง และมีลักษณะเป็นพุ่มสวยงาม ซึ่งลักษณะเด่นของมังคุด 100 ปี คือ จะมีเปลือกบาง มีรสชาติหวานอร่อยกว่ามังคุดทั่วไป โดยลูกจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและผิวพรรณจะไม่นวลเนียนเท่าที่ควร แต่มีรสชาติอร่อย  โดยเปิดทำการเวลา 8.00-18.00 น.

ข้อมูลติดต่อ
คุณสมควร ศิริภักดี โทร. 081-761-9497 , 081-991-3233
คุณเจี๊ยบ 083-0627824

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิงโฮมสเตย์

ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิงโฮมสเตย์

ศูนย์แห่งการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีวิตเพื่อความสุขอย่างพอเพียง การทำการเกษตรผสมผสาน เกษตรปลอดสารพิษ และแหล่งเรียนรู้การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ ประโยชน์และการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพกับการเกษตร การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ภาคอีสานที่ร้อนและแห้งแล้ง บ้านบัวเทิง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่อายุเกือบ 180 ปี ด้วยความที่สภาพพื้นที่เหมาะสมกับการทำการเกษตร และเพาะปลูก บ้านบัวเทิงจึงสามารถปลูกไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดจากภาคตะวันออกและภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เงาะ และทุเรียน เป็นต้น นอกจากสวนผลไม้แล้วที่บ้านบัวเทิงยังส่วนต่างๆที่มีศักยภาพมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจหลากหลาย โดยเปิดทำการทุกวัน เวลา 05.00 น. – 16.00 น.

กิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชน :

  • เรียนรู้การปลูกพืชผักปลอดสารพิษ
  • เรียนรู้การทำปุ๋ยชีวภาพ
  • เรียนรู้หลักเกษตรอินทรีย์
  • เรียนรู้วิถีชุมชน
  • เรียนรู้เทคนิคการปลูกพืชชนิดต่างๆ เดินชมสวนผลไม้ จับปลาลากอวนกับชาวบ้านนำมาทำอาหาร เลือกซื้อผัก ผลไม้ และดอกไม้จากชุมชน 

ผลิตภัณฑ์ชุมชน: พุทรา 3 รส ,มะนาวแป้นพวง, แก้วมังกร และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ

ข้อมูลติดต่อ
ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านบัวเทิง โทร. 086-2605412

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

ใครที่อยู่ใกล้ที่ไหนก็สามารถท่องเที่ยวได้ที่นั่น หรือจะหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่น่าสนใจ หรือสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพียงค้นหาคำว่า “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และแอนดรอยด์ ในนั้นจะมีข้อมูลเบอร์ติดต่อและแผนที่ที่สามารถเดินทางสะดวกได้

คลิกดาวน์โหลด ระบบ IOS : https://apple.co/3TVpKh5
คลิกดาวน์โหลด ระบบ Android : https://bit.ly/3Do8lYT

ใครที่สนใจเช่ารถบัสไปแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงเกษตร สามารถเช่ารถบัสกับ DASH MV ยินดีให้บริการเช่ารถบัสในราคาย่อมเยาและพร้อมมอบความสุขและความใส่ใจในการบริการทุกขั้นตอนด้วยทีมงานมากประสบการณ์ที่คอยดูแล เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งทีมงานและพนักงานขับรถทุกคนมีการฝึกอบรบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยขั้นสูง การให้บริการลูกค้า และการซ่อมแซมรถเบื้องต้น เพื่อพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด 

  • ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
  • เบอร์โทร: 092 185 6699
  • Line:  @dashmv
DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

วิถีชีวิตชุมชน : วิถีชีวิตการทำการเกษตร การอยู่อาศัยของชาวบ้านอีสานใต้ ร่องรอยอารยธรรมขอม

การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว : ชม ชิม ช้อป แชะ แชร์ ลองปฏิบิติและเรียนรู้ตามฐานเรียนรู้ด้านการเกษตร

รูปแบบการท่องเที่ยวยอดนิยม แล้วการท่องเที่ยวแบบใหนที่คุณชอบ

รูปแบบการท่องเที่ยวยอดนิยม แล้วการท่องเที่ยวแบบใหนที่คุณชอบ

รูปแบบการท่องเที่ยว

สารบัญเนื้อหา

ในปัจจุบันก็มีการจำแนกลักษณะรูปแบบของการท่องเที่ยวออกมาด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จำกำหนดเป้าหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อย่างชัดเจน ว่าชอบเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบใหน ซึ่งมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่โดยหลักๆ ที่องค์การท่องเที่ยวโลก กำหนดรูปแบบไว้มีอยู่ 3 หลัก ซึ่งแต่ละรูปแบบก็แตกยิบย่อยลักษณะและรูปแบบลงไปอีก และสำหรับเพื่อนๆ เหล่าผู้รักการทัศนาจรที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นชอบหรือจัดอยู่ในการท่องเที่ยวแบบใหน ดังนั้น วันนี้ DASH MV ขอแนะนำรูปแบบการท่องเที่ยวมาให้อ่าน ดังนี้

แนะนำกิจกรรมเล่นแก้ง่วง ระหว่างเดินทางออกทริป

รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ

รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติ

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ecotourism) คือ การท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นและแหล่งวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศ โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต้การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน และทั้งนี้ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวนอกจากได้พักผ่อน แล้วยังได้รับความสาระความรู้ดีๆจากการท่องเที่ยวลักษณะนี้ด้วย ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

เดินป่าศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์

เดินป่าศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์

เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อ่างกาเป็นแอ่งน้ำขนาดสิบกว่าไร่ อยู่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี โดยระบบนิเวศน์ของอ่างกาเป็นระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนที่อื่น เนื่องจากอยู่บนที่สูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีหมอกปกคลุมตลอด อุณหภูมิเฉลี่ย 12 องศา มีความชื้นสูง พืชที่อยู่ในบริเวณนี้ก็จะมีแต่พืชที่หาชมได้ยาก เช่น ข้าวตอกฤาษี กุหลาบพันปี บนต้นไม้ใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยมอส เฟิร์น จนแทบหาที่ว่างตามกิ่งไม้ไม่ได้ และยังมีนกป่า นกประจำถิ่นที่หาดูได้ยากด้วย

เดินป่าศึกษาธรรมชาติเขาใหญ่

ศึกษาธรรมชาติเขาใหญ่

เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติเขาใหญ่ การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นการนำเอาความรู้ต่างๆ ในเรื่องของธรรมชาติที่ได้ศึกษามา ให้ได้ไปพบเห็นของจริง อันจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการพบเห็นธรรมชาติต่างๆ โดยไม่มีการจัดเตรียมจะทำให้ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่จัดเตรียมไว้ ดังนี้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกกองแก้ว, เส้นทางศึกษาธรรมชาติดงติ้ว – หนองผักชี, เส้นทางศึกษาธรรมชาติดงติ้ว – มอสิงโต, เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กม.33 – หอดูสัตว์หนองผักชี  ,  เส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต, เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกกองแก้ว – น้ำตกเหวสุวัต และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 200 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา โดยเส้นทางที่ 1-5 และ เส้นทางที่ 7 มีการเปิดเส้นทางตลอดปีสามารถเริ่มเดินได้ตั้งแต่ 8.00-14.00 น. และเส้นทางที่ 6 จะปิดเส้นทางในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม และจะต้องเริ่มออกเดินทางไม่เกิน 10.00 น.

ศูนย์การศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

ศูนย์การศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี เป็นเส้นทางเดินศึกษาป่าโกงกางที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดมาชม เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างเป็นแห่งแรกในประเทศไทย เดิมทีเป็นนากุ้งที่ได้รับสัมปทาน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า–คลองคอย ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาที่ปราณบุรี กรมป่าไม้ได้สนองพระราชดำริด้วยการยกเลิกสัมปทานนากุ้ง แล้วรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ พัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเร่งฟื้นฟูป่าชายเลนและกำหนด ให้เป็นพื้นที่เป้าหมายในการปลูกป่าและพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนในเวลาต่อมา

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล (marine ecotourism) คือ การท่องเที่ยว อย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติทางทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และแหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศทางทะเล โดยมีกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวของภายใต ้ การจัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เพื่อมุ่งให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษาระบบนิเวศอยางยั้งยืน ซึ่งการเส้นทางศึกษาธรรมชาติโครงการปลูกป่าชายเลนตามแนวชายฝั่ง ก็เป็นหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างให้คนมีจิตสำนึกและรักษาระบบนิเวศทางทะเล ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล

ศึกษาป่าชายเลนและสัตว์น้ำทางทะเลอ่าวคุ้งกระเบน

ศึกษาป่าชายเลนและสัตว์น้ำทางทะเลอ่าวคุ้งกระเบน

เส้นทางศึกษาป่าชายเลนและสัตว์น้ำทางทะเลอ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี โดยเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพราษฎรของศูนย์ฯ คุ้งกระเบน โดยได้ส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้ามาศึกษาสภาพธรรมชาติ ก่อให้เกิดความเข้าใจระบบนิเวศในป่าชายเลนและรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านั้นให้ เกิดประโยชน์สูงสุด  ซึ่งในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ โปรงแดง ป่าสักดอกแดง ป่าสักดอกขาว ลำพูทะเล แสมทะเล เป็นต้น ต้นไม้แต่ละชนิดจะมีป้ายบอกชื่อ ลักษณะ และสรรพคุณของไม้นั้นๆ ไว้ด้วย  รวมถึงเราจะได้เห็นสัตว์แห่งป่าชายเลน เช่น ปลาตีน ปูแสม วิ่งไปมา รวมถึง บรรยากาศในการเดินชมค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอดทาง

ศึกษาธรรมชาติเขาแหลมหญ้า

ศึกษาธรรมชาติเขาแหลมหญ้า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาแหลมหญ้า จังหวัดระยอง ลักษณะภูมิประเทศของเขาแหลมหญ้า เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีพื้นที่โล่งกว้าง เป็นเนินทุ่งหญ้าสลับกับหิน ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นได้เนื่องจากลมที่พัดแรงตลอดเวลา โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติแบ่งออกเป็น 9 สถานีด้วยกัน ไล่มาตั้งแต่ แนะนำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ,ชีวิตกลางวนา ,ห้องเรียนธรรมชาติ ,อุโมงค์ป่า ,มหัศจรรย์แหลมหญ้าน่าชม ,เมื่อลาวาสงบ ,ระบบนิเวศชีวิตน้ำขึ้น-น้ำลง 1 , ระบบนิเวศชีวิตน้ำขึ้น-น้ำลง 2 และสิ้นสุดที่เส้นทางอุทยานในวรรณคดี ซึ่งเส้นทางเดินจะมีทั้งทางเรียบ และมีบางช่วงเป็นเนินขึ้นลงที่ต้องลัดเลาะไปตามโขดหิน ซึ่งตลอดระยะทางกว่า 1.4 กิโลเมตร ที่มีฝั่งหนึ่งเป็นวิวทะเล อีกฝั่งก็เป็นเขาหินสีทอง เดินสามารถเดินเล่นกันแบบเพลินๆ ได้

การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา

การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา (geo-tourism) คือ การท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติที่เป็น หินผา ลานหินทราย อุโมงค์โพรง ถ้ำน้ำลอด  ถ้ำหินงอกหินย้อย เพื่อดูความงามของภูมิทัศน์ที่มีความแปลกของการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โลก  ศึกษาธรรมชาติของหิน ดิน แร่ต่างๆ และฟอสซิล ได้ความรู้ได้มีประสบการณ์ใหม่ บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ  มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยา

สระมรกต จังหวัดกระบี่

สระมรกต จังหวัดกระบี่

สระมรกต ตั้งอยู่ใน ตำบลคลองท่อมเหนือ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ ซึ่งสระมรกตกำเนิดมาจากบ่อน้ำผุด มีลักษณะเป็นตาน้ำสีฟ้าอมน้ำเงิน เป็นน้ำพุร้อนมีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส เป็นสระน้ำแร่ธรรมชาติ ด้วยความมีแร่ธาติอยู่มาก และได้สะท้อนแสงอย่างที่เห็น ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เป็นแอ่งน้ำตามธรรมชาติขนาดเล็ก มีฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำตลอดเวลา สันนิษฐานว่าเกิดจากน้ำที่ซึมออกมาจากใต้ดิน ทำให้ที่แห่งนี้มีน้ำตลอดปีและไหลเป็นลำธารสู่ที่ต่างๆ เป็นสระน้ำสวยใสกลางใจป่าที่มีน้ำใส เป็นสีเขียวอมฟ้าที่เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง

สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี

สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี

สามพันโบก ตั้งอยู่กลางลำน้ำโขงในเขตพื้นที่บ้านโป่งเป้า บ้านสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นแก่งหินที่โผล่ขึ้นมากลางลำน้ำโขงในช่วงที่น้ำลด โดยที่แก่งหินเหล่านี้ก็จะมีแอ่งน้อยใหญ่ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของแรงน้ำวน เมื่อนับดูแล้วมีจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง โดยบริเวณลำน้ำโขงจะเป็นเขตติดต่อกับประเทศลาว ตัวสามพันโบกและจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ จะอยู่ทางฝั่งไทย นักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะข้ามไปขึ้นฝั่งทางประเทศลาวได้ แต่สามารถยืนชมวิวฝั่งลาว รวมทั้งสามารถล่องเรือชมความสวยงามของธรรมชาติฝั่งลาวได้

การท่องเที่ยวเชิงเกษตร

 การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (agro tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่เกษตรกรรมสวนเกษตร วนเกษตร สวนสมุนไพร ฟาร์มปศุสัตว์และเลี้ยงสัตว์เพื่อชื่นชมความสวยงาม ความสำเร็จและเพลิดเพลินในสวนเกษตร ได้ความรู้มีประสบการณ์ใหม่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ  มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนั้น และยังช่วยกระตุ้นให้รักการทำเกษตรด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักเดินทางมากที่สุด

จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันมีการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรมากขึ้น เช่น โครงการสาธิตการเกษตรแบบพอเพียง มีการจัดทำทางเดินบนไร่นา มีที่ถ่ายรูปสวยๆ ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะชม และได้เรียนรู้รวมทั้งได้ซึมซับวิถีการเกษตรไปในตัวด้วย ถือว่าการท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับความนิยมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้อย่างดีทีเดียว
ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดําริ

โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดําริ

เที่ยวชมโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดําริ จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่ใน อ.ท่ายาง จ. เพชรบุรี เกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9  ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน เนื้อที่ภายในโครงการมีทั้งแปลงพืชเศรษฐกิจที่ปลูกหลายชนิด นอกเหนือจากพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ ก็ยังมีการปลูกไม้ผล พืชไร่ และพืชผักต่างๆ มีแปลงปลูกข้าว ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว ปลูกยางพารา โดยทั้งหมดนี้จะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากต้องใช้ก็ต้องมีในปริมาณที่น้อยที่สุด มีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวนเพื่อให้คนที่แวะมาเยี่ยมชมได้อีกด้วย

โครงการหลวงดอยอินทนนท์

โครงการหลวงดอยอินทนนท์

โครงการหลวงดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งขึ้นมาโดยพระราชดำริของพระยาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือชาวเขาให้มีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชาความรู้ด้านการเกษตรแผนใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของชาวเขาให้ดีขึ้น ตลอดจนป้องกันการบุกรุกทำลายป่าไม้ต้นน้ำลำธาร จุดท่องเที่ยวในโครงการหลวงมีมากมายหลายจุด เช่น สวน 80 พรรษา เป็นสถานที่จัดแสดงขึ้นเพื่อรองรับการศึกษาดูงานของผู้มีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับพรรณไม้ดอกเมืองหนาว, สวนหลวงสิริภูมิ เป็นสวนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์เฟิน ภายในมีน้ำตกขนาดเล็กซึ่งเป็นน้ำตกชั้นล่างของน้ำตกสิริภูมิ, สวนกุหลาบพันปี, โรงเรือนผักไฮโดรโพนิกส์ เป็นต้น

การท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์

 การท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ (astrological tourism)  คือ การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการไปชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวาระ เช่น สุริยุปราคา ฝนดาวตก จันทรุปราคา และการดูดาวจักราศีที่ปรากฏในท้องฟ้าแต่ละเดือน เพื่อการเรียนรู้ระบบสุริยจักรวาล  มีความรู้ความประทับใจ  ความทรงจำและประสบการณ์เพิ่มขึ้น บนพื้นฐานการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกต่อการรักษาสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการร่วมกันอย่างยั่งยืน ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม  ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 95 กิโลเมตร โดยมีสถานที่ที่จัดกิจกรรมดูดาวและถ่ายภาพทางดาราศาสตร์ที่มีความเหมาะสมหลายแห่ง เช่น จุดชมวิวผาแต้ม เสาเฉลียงผาแต้ม ผาชะนะได เนื่องจากเป็นพื้นที่ลานหินโล่งกว้าง ต้นไม้เตี้ยแคระแกรนไม่บดบังทัศนียภาพ สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ทั่วบริเวณ มีวิวทิวทัศน์หลากหลายรูปแบบ ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ไม่มีแสงสว่างรบกวน จึงมีความมืดสนิท เหมาะแก่การถ่ายภาพทางดาราศาสตร์ เช่น วัตถุในห้วงอวกาศลึก ที่ต้องการความมืดเป็นอย่างมาก

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม มีพื้นที่ครอบคลุม 148 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอเมือง บ้านเขว้า หนองบัวแดง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน สภาพป่ามีทั้งป่าทึบและป่าโปร่ง เป็นต้นน้ำลำธารของลำห้วยที่ไหลลงสู่แม่น้ำชี มีจุดเด่นหลากหลายให้ได้ไปสัมผัสและชื่นชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สุดๆ ที่ปกคลุมด้วยหมอกจางๆ ปกคลุม ซึ่งที่มอหินขาว ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดกางเต็นท์นอนดูดาวที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย เพราะในยามกลางคืนที่ไร้ซึ่งแสงไฟเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้ออกมาตามหาแสงของดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ท่ามกลางแสงวิบวับของทางช้างเผือกในช่วงเวลา 5 ทุ่มไปจนถึงตี 2

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม

รูปแบบการท่องเที่ยวในแหล่งวัฒนธรรม

การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์

การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ (historical tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดี และประวัติศาสตร์ เพื่อชื่นชมและเพลิดเพลินในสถานที่ท่องเที่ยวได้ความรู้มีความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์และโบราณคดี ในท้องถิ่นพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสํานึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่า ของสภาพแวดลอมโดยที่ประชาชนในท้องถิ่น มีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว ตัวอย่างการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งเคยเป็นอดีตราชธานีของชาติไทยที่มีอายุกว่า 417 ปี โดยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) นอกจากนี้ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยายังมีโบราณสถานที่สำคัญแห่งอื่น ๆ อีก เช่น วัดมหาธาตุ วัดพระราม วัดไชยวัฒนาราม วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง วัดธรรมิกราช เป็นต้น

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่เมืองโบราณกำแพงเพชร ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ในเขตอำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร โดยแบ่งออก เป็น ๒ เขต คือ เขตภาย ในกำแพงเมืองมีพื้นที่ ๕๐๓ ไร่ และเขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่า เขตอรัญญิก ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม มีพื้นที่ ๑,๖๑๑ ไร่ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นศาสนสถานเป็นส่วนมากได้รับการ ประกาศให้เป็น “มรดกโลก” ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534

การท่องเที่ยวงานชมวัฒนธรรมและประเพณี

การท่องเที่ยวงานชมวัฒนธรรมและประเพณี (cultural and traditional tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยว  เพื่อชมงานประเพณีต่างๆ ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ  จัดขึ้น ได้รับความเพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจในสุนทรียะศิลป์เพื่อศึกษาความเชื่อ การยอมรับนับถือ   การเคารพพิธีกรรมต่างๆ และได้รับความรู้มีความเข้าใจต่อสภาพสังคมและวัฒนธรรม   มีประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นบนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสํานึกต่อการรักษาสภาพแวดลอมและมรดกทางวัฒนธรรม  โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมตอการจัดการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น การเที่ยวชมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาในจังหวัดอุบลราชธานี,ประเพณีงานลอยกระทงที่จังหวัดสุโขทัย,ประเพณีสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่,ประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม,ประเพณีวันสารทเดือนสิบ นครศรีธรรมราช เป็นต้น

การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตในชนบท

การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตในชนบท (rural tourism / village tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยวในหมู่บ้าน ชนบทที่มีลักษณะวิถีชีวิต และผลงานสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษมีความโดดเด่นเพื่อความเพลิดเพลินได้ความรู้ดูผลงานสร้างสรรค์และภูมิปัญญาพื้นบ้าน มีความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น บนพื้นฐานของความรับผิดชอบและมีจิตสำนึกต่อการรักษามรดกทางวัฒนธรรมและคุณค่าของสภาพแวดล้อม โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น การเที่ยวหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆทางเหนือของไทย, การเที่ยวชมวิถีชีวิตชุมชนชาวภูไท ในจังหวัดนครพนม เป็นต้น

รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ

รูปแบบการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health tourism) คือ การท่องเที่ยวในแหล่งธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรมเพื่อการพักผ่อนและเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพกายใจได้รับความเพลิดเพลิน และสุนทรียภาพ มีความรู้ต่อการรักษาคุณค่า และคุณภาพชีวิตที่ดี มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน อนึ่ง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนี้บางแห่งอาจจัดรูปแบบเป็นการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและความงาม (health beauty and spa) ยกตัวอย่างเช่น เที่ยวบ่อน้ำพุร้อน เพื่อบำบัดร่างกาย,การเที่ยวทะเล นอนอาบแดด นวดตัว ทำสปา,การเที่ยวชมป่า เพื่อรับอากาศอันบริสุทธิ์ ก็เป็นการพักผ่อนเพื่อรักษาสุขภาพกายและใจด้วยเช่นกัน

การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาและศาสนา

การท่องเที่ยวเชิงทัศนศึกษาและศาสนา (edu-meditation tourism) คือ การเดินทางเพื่อทัศนศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากปรัชญาทางศาสนา หาความรู้ สัจธรรมแห่งชีวิตมีการฝึกทำสมาธิเพื่อมีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมุ่งการเรียนรู้วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย เช่น  การทําอาหารไทยการนวดแผนไทย รําไทย มวยไทย การช่างและงานศิลปหัตถกรรมไทย   รวมถึงการบังคับช้างและเป็นควาญช้าง  เป็นต้น

การท่องเที่ยวเพื่อศึกษากลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมกลุ่มน้อย

การท่องเที่ยวเพื่อศึกษากลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมกลุ่มน้อย (ethnic tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของชาวบ้าน วัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยหรือชนเผาต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านชาวไทยโซ่ง หมู่บ้านผู้ไทย  หมู่บ้านชาวกูย หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง  หมู่บ้านชาวจีนฮ่อ เป็นต้น เพื่อมีประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมีคุณคาและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้นมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ทำไมต้องทำกิจกรรม CSR ทำแล้วได้อะไร

การท่องเที่ยวเชิงกีฬา

การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (sports tourism) คือ การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเล่นกีฬาตามความถนัดความสนใจ ในประเภทกีฬา เช่น กอล์ฟ ดําน้ำ ตกปลา สนุกเกอร์  กระดานโตคลื่น สกีนํ้า เป็นต้น ให้ได้รับความเพลิดเพลินความสนุกสนานตื่นเต้น ได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้น มีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมต่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงกีฬากำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้  ได้แบ่งเป็นประเภทดังนี้ อ่านต่อคลิก…

การท่องเที่ยวแบบผจญภัย

การท่องเที่ยวแบบผจญภัย (adventure travel) คือ การเดินทางท่อง เที่ยวไปยงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษ ที่นักท่องเที่ยวเขาไปเที่ยวแล้วได้รับความสนุกสนานตื่นเต้น หวาดเสียว ผจญภัย มีความทรงจํา  ความปลอดภัย และได้ประสบการณ์ใหม่ ยกตัวอย่างเช่น การปีนหน้าผา, การเดินป่า, การล่องแก่งไปตามลำแม่น้ำ, การเดินชมถ้ำหินงอกหินย้อย, การลอดถ้ำต่างๆ เป็นต้น

การท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์และฟาร์มสเตย์

การท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์และฟาร์มสเตย์ (home stay & farm stay) คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มที่ต้องการใช้ชีวิตใกล้ชิดกับครอบครัวในท้องถิ่นที่ไปเยือนเพื่อการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้รับประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มขึ้น โดยมีจิตสำนึกต่อการรักษาสิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นการจัดการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่นที่ยั่งยืน
ตัวอย่างการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ และ ฟาร์มสเตย์ 

บ้านไร่ไออรุณ จ.ระนอง

บ้านไร่ไออรุณ

เป็นที่พักที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ บวกกับไอเดียการตกแต่งพื้นที่ของเจ้าของ ทำให้ที่นี่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ภายในฟาร์มสเตย์แห่งนี้ถูกออกแบบไว้ 2 โซนหลักๆ คือ พื้นที่ส่วนกลางที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวิถีธรรมชาติ เรียนรู้ความเรียบง่ายของชีวิต รวมถึงยังมีบ้านไม้ 3 ชั้นสำหรับเป็นจุดต้อนรับ และรับประทานอาหารพื้นเมืองฝีมือของ ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ รวมไปถึงร้านขายสินค้า เกษตร สินค้าทำมือที่รวบรวมไว้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย

บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์

บ้านทะเลดาว โฮมสเตย์

ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน หรือบ้านปากแม่น้ำเวฬุ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เป็นชุมชนริมทะเลที่มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี ใครอยากสัมผัสสูดอากาศบริสุทธิ์ บรรยากาศริมทะเลท่ามกลางวิถีชีวิตชาวประมงต้องมาที่นี่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน กิจกรรมไฮไลท์ของบ้านทะเลดาวที่ใครมาต้องห้ามพลาด ได้แก่กิจกรรมตกปลา พายคายัค ไหว้พระวัดบางชัน เที่ยวชมทะเลแหวก นั่งเรือชมฝูงเหยี่ยวแดงนับพันตัวกลางทะเล ชมธรรมชาติป่าชายเลน เที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ เป็นต้น

แนะนำ 6 ที่พักแบบฟาร์มสเตย์ สัมผัสวิถีชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ อ่านต่อ…

การท่องเที่ยวพำนักระยะยาว

การท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (longstay) คือ กลุ่มผู้ใช้ชีวิตในบั้นปลายหลังเกษียณอายุจากการทำงานที่ต้องการมาใช้ชีวิตต่างแดนเป็นหลัก เพื่อเพิ่มปัจจัยที่ห้าของชีวิตคือ การท่องเที่ยว โดยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเฉลี่ย 3 – 4  ครั้งต่อปี คราวละนาน ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

การท่องเที่ยวแบบให้รางวัล

 การท่องเที่ยวแบบให้รางวัล (incentive travel) คือ การจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ  (มีความเป็นเลิศ) ในการขายสินค้านั้นๆ ตามเป้าหมายหรือเกินเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้แทนบริษัทจำหน่ายรถยนต์   ผู้แทนบริษัทจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้แทนบริษัทจาหน่ายเครื่องสำอาง  จากภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ ที่สามารถขายสินค้าประเภทนั้นได้มากตามที่บริษัทผู้แทนจำหน่ายในประเทศตั้งเป้าหมายไว้เป็นการให้รางวัลและจัดนำเที่ยว โดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าพักแรมและค่าอาหารระหว่างการเดินทางให้กับผู้ร่วมเดินทาง เป็นการจัดรายการพักแรมตั้งแต่  2 – 7  วัน เป็นรายการนำเที่ยวชมสถานท่องที่ต่างๆ อาจเป็นรายการนำเที่ยวแบบผสมผสาน หรือรายการนำเที่ยวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

การท่องเที่ยวเพื่อการประชุม

 การท่องเที่ยวเพื่อการประชุม (MICE หมายถึง M=meeting/I= incentive/ C=conference / E=exhibition) เป็นการจัดนำเที่ยวให้แก่กลุ่มลูกค้าของผู้ที่จัดประชุม มีรายการจัดนำเที่ยวก่อนการประชุม (pre-tour) และการจัดรายการนำเที่ยวหลังการประชุม (post-tour)  โดยการจัดรายการท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ไปทั่วประเทศ  เพื่อบริการให้กับผู้เข้าร่วมประชุมโดยตรง หรือสำหรับผู้ที่ร่วมเดินทางกับผู้ประชุม  (สามีหรือภรรยา) อาจเป็นรายการท่องเที่ยววันเดียว หรือรายการเที่ยวพักค้างแรม 2 – 4 วัน โดยคิดราคาแบบเหมารวมค่าอาหารและบริการท่องเที่ยว

มารู้จักกับ ‘ธุรกิจไมซ์ (MICE)’ ทำไมถึงมีความสำคัญ 

การท่องเที่ยวแบบผสมผสาน

การท่องเที่ยวแบบผสมผสาน เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้จัดการการท่อง เที่ยวคัดสรรรูปแบบการท่องเที่ยวที่กล่าวมาแล้วข้างต้น นำมาจัดรายการนำเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความแตกต่างระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในระยะยาวนานตั้งแต่  2 – 7 วันหรือมากกว่านั้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเกษตร (eco–agro-tourism) การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและประวัติศาสตร์ (agro-historical tourism)  การท่องเที่ยวเชิงนิเวศและผจญภัย (eco-adventure travel)  การท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ (geo-historical tourism) การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม  (agro-cultural tourism) เป็นต้น

นอกจากนี้ในปัจจุบัน การท่องเที่ยวได้พิจารณาจากความต้องการหรือพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมทําให้มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีแนวคิดใหม่ ขึ้นมาเช่น Green tourism ที่คนมาท่องเที่ยวจะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติหรือช่วยลดภาวะโลกร้อน เช่น  การท่องเที่ยวในเกาะสมุย หรือ War tourism  ที่นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสกับอดีตในสมัยสงคราม  เช่น  การท่องเที่ยวสะพานข้ามแม่นํ้าแคว จังหวัดกาญจนบุรีหรือ Volunteer tourism  ที่นักท่องเที่ยวเป็นอาสาสมัครมาช่วยทำกิจกรรมบําเพ็ญประโยชน์ ในสถานที่และเดินทางท่องเที่ยวต่อ เช่น การที่มีอาสาสมัครมาช่วยงานสึนามิในประเทศไทย เป็นต้น

สรุปรูปแบบการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวในประเทศไทย มีหลากหลายขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเอง และขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรม  ผลของการท่องเที่ยวจะเกิดมิติในแง่บวกหรือลบ ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่ามีพฤติกรรมอย่างไร

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด 

  • ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
  • เบอร์โทร: 092 185 6699
  • Line:  @dashmv
DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

ที่เที่ยวหน้าฝน เปลี่ยนบรรยากาศให้คุณ สนุกสุดฟินไปกับธรรมชาติ

ที่เที่ยวหน้าฝน เปลี่ยนบรรยากาศให้คุณ สนุกสุดฟินไปกับธรรมชาติ

ที่เที่ยวหน้าฝน

ขอต้อนรับสู่ฤดูฝนอีกครา สายฝนเริ่มโปรยปรายมาให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนที่ผ่านมาได้บรรเทาลง และนับเป็นอีกหนึ่งช่วงนาทีทองของการท่องเที่ยว เพราะเป็นช่วงที่ธรรมชาติได้ฟื้นคืนกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง มองไปทางไหนก็เย็นตาสบายใจ บอกเลยว่าน่าเที่ยวไม่แพ้กัน สำหรับใครที่อยากออกไปเที่ยวหน้าฝนแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี งั้นลองมาเช็กลิสต์กันหน่อยดีกว่า

แนะนำกิจกรรมเล่นแก้ง่วง ระหว่างเดินทางออกทริป

สารบัญเนื้อหา

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์

นักท่องเที่ยวคนไหนอยากกางเต็นท์นอนอิงแอบธรรมชาติ ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ป่า แล้วเดินทางไปยังภูสอยดาว ผืนป่าฤดูฝนที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติสีเขียวขจีและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอีกหลายสาย ณ  อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว  จ.อุตรดิตถ์ ที่พร้อมเปิดการท่องเที่ยวพักแรม “ลานสน” 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ที่นี่มีสถานที่ให้เที่ยวชมทั้งน้ำตกและจุดชมวิว แต่ที่ใครๆ ก็ต่างอยากมาสัมผัสก็คือ “ลานสน” ที่มีผืนป่าธรรมชาติกว่า 1,000 ไร่ มีสภาพพื้นที่เป็นเนินสูงต่ำสลับกัน โดยในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีดอกไม้ดินชูช่อออกดอกเต็มทั่วทุ่ง สีสันสวยงามทั้งดอกหงอนนาค ดอกสร้อยสุวรรณา และดอกหญ้ารากหอม ตัดกับสายหมอกสีขาวในยามเช้าทำให้สถานที่แห่งนี้เปรียบได้ดั่งแดนสวรรค์บนดินที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 09 5629 9528 , 09 1024 7633
Facebook : อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว – Phu soi dao National Park

ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ

“ดอกกระเจียว” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดอกบัวสวรรค์ มีสีชมพูอมม่วงเป็นพืชล้มลุกประเภทหัว จำพวกขิง-ข่าพบขึ้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ ซึ่งดอกกระเจียวจะขึ้นและบานเป็นสีชมพูอมม่วงในช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปีเท่านั้น

ทุ่งดอกกระเจียว

การออกดอกสีชมพูบานเป็นสัญญาณเริ่มต้นของฤดูฝน ครั้งเดียวในหนึ่งปีเท่านั้นที่คุณจะได้สัมผัสกับทุ่งดอกกระเจียวสีชมพูกลางป่าใหญ่ ได้สูดกลิ่นไอดินใกล้ชิดธรรมชาติในช่วงหน้าฝนที่สวยไม่แพ้ฤดูไหนๆ สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมทุ่งดอกกระเจียวควรเดินทางมาในช่วงเช้าจะพบสายหมอกสีขาวลอยละล่องอยู่เหนือดอกสีชมพูสดใส ให้ความรู้สึกสวยงามและน่าอัศจรรย์ โดยทุ่งดอกกระเจียวจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนกรกฎาคม

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 0-4405-6141
ค่าบริการรถรางเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียว : ราคา ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท 

ยอดเขาเทวดา จังหวัดสุพรรณบุรี

อีกแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอีกมุมมองใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะไม่ได้มีแค่ภาพจำ อย่าง แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา วัด ชุมชน วิถีชีวิต หรือเสียงเหน่อของชาวสุพรรณบุรีเท่านั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ “ยอดเขาเทวดา” อุทยานแห่งชาติพุเตย แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี ความสวยงามในช่วงฤดูฝน  ทะเลหมอกและป่าเขียวขจี ที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสประสบการณ์พิชิตยอดเขาเทวดา ระยะทางเดินชัน 800 เมตร แต่รับรองได้เห็นวิว ทิวเขา สุดลูกหูลูกตา คุ้มแน่นอน

ยอดเขาเทวดา

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 035-960-240
ค่าบริการเที่ยวชมยอดเขาเทวดา : ราคา ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

วนอุทยานหริรักษ์ จังหวัดเลย

ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ไว้สำหรับแคมปปิ้งช่วงหน้าฝนนี้ บอกเลยว่าที่วนอุทยานหริรักษ์เป็นที่ที่เหมาะมาก ๆ เพราะโดยรอบบริเวณมีอ่างเก็บน้ำ โดยมีฉากหลังเป็นวิวทิวทัศน์ของภูเขา ถือว่าเป็นทำเลที่ควรค่าแก่การกางเต็นท์ ให้ธรรมชาติได้โอบกอด และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้ทำ เช่น ล่องแพ พักผ่อนริมอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง หรือ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมาน ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าฝนแบบนี้ อากาศจะยิ่งเย็นสบาย มีลมพัดมาเย็น ๆ ชื่นใจ รวมถึงยังมีแพร้านอาหารไว้คอยบริการ เพื่อว่าใครหิวก็จะได้หากินรองท้องกันได้เลย

วนอุทยานหริรักษ์

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 094 797 3010
Facebook : วนอุทยานหริรักษ์ – Harirak Forest Park

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี

แก่งหินเพิง ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองแหน ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในเส้นทางล่องแก่งที่มีระดับความยากง่ายอยู่ที่ 3 ถึง 5 ระดับ บนระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตร ที่ต้องใช้เวลาผจญภัยบนสายน้ำราว 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว แก่งหินเพิง จะสวยมากที่สุดในฤดูของน้ำหลาก หรือ ช่วงประมาณเดือน กรกฎาคมถึงตุลาคม ฤดูฝนเลยเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการล่องแก่งหินเพิง โดยจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำตามแก่งต่างๆ เป็นจำนวนมากในช่วงนี้

ล่องแก่งหินเพิง

กิจกรรมล่องแก่งหินเพิง ก็เลยเป็นอีกกิจกรรมท่องเที่ยวยอดฮิตในหน้าฝน ที่ แก่งหินเพิง จะมีแก่งหินที่เรียกได้ว่าสนุกจนเสี่ยวสุดๆ ไปเลย เพราะด้วยกระแสน้ำที่ไหลพาเรือยางปะทะเข้ากับโขดหิน ทำให้เกิดเป็นกระแสน้ำวน ผู้นำล่องแก่งเลยจะต้องมีฝีมือและทักษะในการพาย รวมถึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้พ้นกับการปะทะกับแก่งหินและป้องกันเรือคว่ำ เวลาที่เราไปเล่นล่องแก่งเลยต้องส่งเสียงดังในการช่วยเป็นกำลังใจให้กับผู้นำล่องแก่งค่ะ ส่วนในบางช่วงที่กระแสน้ำจะเบา เราก็จะได้สนุกไปลำธารน้ำใสๆ ที่สามารถแวะลงเล่นน้ำกันได้

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 08 6092 6529
Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – Khao Yai National Park

น้ำตกปุญญาบาล จังหวัดระนอง

น้ำตกปุญญบาลเป็นน้ำตกที่มีความสูงราว 15 เมตรและสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากริมถนนเลยทีเดียว น้ำตกสายนี้เดิมชื่อ น้ำตกเส็ดตะกวด มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่กลับมีน้ำไหลแรงตลอดปี และมีทิวทัศน์สวยงาม โดยน้ำตกมีทั้งหมด 3 ชั้น มีต้นน้ำมาจากลำห้วยเล็ก ๆ ในเขตป่าละอุ่น ป่าราชกูด โดยแต่ละชั้นมีความน่าสนใจแตกต่างกัน ได้แก่ ชั้นที่ 1 ปุญญบาล เป็นชั้นที่สวยที่สุด ลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาตามเชิงชั้นสูงประมาณ 20 เมตร รอบ ๆ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำตื้น ๆ น้ำตกชั้นที่ 2 เรียกว่าน้ำตกโตนไม้ไผ่ และน้ำตกชั้นที่ 3 เรียกว่าน้ำตกโตนต้นเฟิร์น นอกจากนี้ จากชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 3 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 300 เมตร ที่จัดทำขึ้นให้เดินได้สบาย ๆ อีกทั้งบริเวณต้นน้ำยังมีต้นพญาไม้ หรือขุนไม้ขนาดโตวัดรอบที่ระดับความสูงเพียงอก

น้ำตกปุญญาบาล

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 08 8447 6371
Facebook : อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี – Lamnam Kra Buri National Park

เกาะเทโพ จังหวัดอุทัยธานี

เป็นเกาะแลนด์มาร์คธรรมชาติสวยๆ ตั้งอยู่กลางแม่น้ำสะแกกรัง ใน จังหวัดอุทัยธานี ลักษณะของเกาะนี้คือ จะคล้ายกับอ่าว มีแม่น้ำปลาชุกชุม โดยเฉพาะ ปลาเทโพ เลยเป็นที่มาของชื่อเกาะนั่นเอง ซึ่งแม้ว่าที่นี่จะมีปลาเทโพเยอะ แต่เมนูขึ้นชื่อและไม่ควรพลาดกลับเป็น ปลาดแรด เรียกได้ว่าเป็นของอร่อยเด็ด  เกาะเทโพนี้เป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชอบปั่นจักรยานท่องเที่ยว หลังจากข้ามสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างตลาดสดเทศบาลและวัดอุโบสถาราม ซึ่งไม่ยาวนักและขนาดเล็กเพียงรถมอเตอร์ไซค์สวนกันได้ บรรยากาศสองข้างจะเป็นป่าไผ่ ไร่ข้าวโพด และทุ่งนาให้บรรยากาศที่สงบร่มรื่น ชาวบ้านที่นี่ทำสวนส้มโอ มีทั้งพันธุ์มโนรมย์ และขาวแตงกวา และยังปลูกมะไฟด้วย

เกาะเทโพ

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
โทรศัพท์ : 08 6216 3510
ค่าบริการเช่าจักรยานเที่ยวชมเกาะเทโพ : คันละ 40 บาท/วัน

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จังหวัดระนอง

“บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน” เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่ติดกับลำธารหาดส้มแป้นที่ไหลผ่านกลางหุบเขาทางตะวันออกของตัวเมืองระนอง ซึ่งเกิดจากแหล่งความร้อนใต้โลกหรือหินหนืดที่อยู่ระดับตื้นกว่าปกติ เนื่องจากบริเวณนี้ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนระนองตามแนวลำคลองหาดส้มแป้นที่ยังมีพลังในการเคลื่อนตัวอยู่ เมื่อฝนตกลงมาน้ำฝนจะซึมลงไปตามรอยแตกแยกของชั้นหิน น้ำก็จะถูกกักเก็บในชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดินที่มีความร้อนสูงจากการเปลี่ยนถ่ายความร้อนระหว่างหินหนืด ทำให้น้ำที่กักอยู่ในชั้นหินร้อนขึ้นแล้วเดือดจนเกิดแรงดันลอยขึ้นมาตามรอยแตกแยกของหินหรือรอยเลื่อนขึ้นมาบนผิวดิน น้ำในบ่อเป็นสีใสและฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาขึ้นมานิดๆหน่อย ๆ ไม่มีสาหร่ายเขียวแกมน้ำเงินหรือแบคทีเรียสีขาวทนความร้อนปรากฎอยู่ บริเวณขอบบ่อมีการสะสมตัวของแร่แคลไซด์(เกิดจากสารละลายหินปูน) อุณหภูมิคงที่ประมาณ 65 องศาเซลเซียส อัตราการไหลประมาณ 3.5 ลิตรต่อวินาที

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 
เปิดให้เข้าชม : 05.00-21.00 น.
ค่าบริการแช่บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน : คนละ 40 บาท

เป็นยังไงบ้าง? พอจะเป็นไอเดียเอาไว้สำหรับเที่ยวหน้าฝนได้หรือเปล่า ใครที่อยากจะมีช่วงเวลาแห่งความประทับใจ ลองลองถามเพื่อนๆ หรือครอบครัวแล้วหาเวลาไปแวะเที่ยวกันนะ นอกจากนี้ก่อนไปท่องเที่ยวควรตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เพราะในบางสถานที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด 

  • ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
  • เบอร์โทร: 092 185 6699
  • Line:  @dashmv
DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ

ขับรถอย่างไร ให้ปลอดภัยในช่วงฤดูฝน

ขับรถอย่างไร ให้ปลอดภัยในช่วงฤดูฝน

ปลอดภัยในช่วงฤดูฝน

เมื่อก้าวเข้าสู่กลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ขับขี่จะต้องเผชิญกับความท้าทายบนท้องถนนหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องใช้รถทำมาหากินอย่างพนักงานขับรถที่ต้องใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยมากขึ้น เพราะตอนที่ฝนตกทุกครั้งจะต้องเจอทั้งทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจน พื้นผิวถนนที่เปียกลื่น สิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น และน้ำท่วมขังพื้นถนน ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แม้ปัจจุบันรถยนต์ที่มีความทันสมัยที่สุดก็ยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้ปกติในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ดังนั้น หากปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อขับขี่บนพื้นถนนที่เปียกลื่นได้

แนะนำกิจกรรมเล่นแก้ง่วง ระหว่างเดินทางออกทริป

สารบัญเนื้อหา

1. ใส่ใจกฎจราจร

ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวัง งดเว้นกิจกรรมอื่นที่ทำให้เสียสมาธิ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด เช่น ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่แช่เลนขวา ไม่ขับเร็วเกินกำหนด ห้ามขับรถโดยประมาทหวาดเสียว หลีกเลี่ยงเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันหรือตัดหน้ากระชั้นชิด ตลอดจนการจอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทาง ในกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้อง ให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมเพื่อนำรถนั้นให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที่สุด โดยให้แสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณเตือนในรถคันอื่นสังเกตเห็นได้จากระยะปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

2. เปิดไฟหน้า ไม่เปิดไฟฉุกเฉิน

การเปิดไฟหน้าช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ทั้งตัวคุณและผู้ขับขี่รถคันอื่น ได้มองเห็นในสภาพแสงน้อยและฝนตกหนัก ควรเปิดไฟหน้าในสภาวะที่ฝนตกหนัก และไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉินยกเว้นเมื่อจอดรถและต้องการให้รถคันอื่นหลบเลี่ยง ถ้ารถของคุณมีไฟตัดหมอก ควรเปิดใช้งาน นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ใบปัดน้ำฝนที่ฉีกขาดหรือเสียหายจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดคราบน้ำบนกระจกหน้าซึ่งจะลดทัศนวิสัยในการขับขี่

3. เติมลมยางอย่างเหมาะสม

เพราะการที่ยางรถยนต์ที่มีแรงดันลมมากเกินไปจะทำให้ตัวรถลอยตัวเมื่อเคลื่อนที่ การสัมผัสระหว่างหน้ายางและพื้นถนนลดลงทำให้สูญเสียการยึดเกาะ สำหรับยางที่มีแรงดันลมน้อยเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินปกติ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมรถบนถนนที่มีน้ำขัง และผู้ขับขี่ควรตรวจสอบดอกยาง ยางที่ฉีกขาด หรือเสียหายจะไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อการยึดเกาะถนน

4. เพิ่มระยะห่างระหว่างรถเพื่อการเบรก

ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลงเมื่อขับผ่านถนนที่เปียกลื่น และเพิ่มระยะห่างระหว่างรถคันหน้ามากขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อเทียบกับการขับบนถนนที่แห้งเพื่อการเบรกอย่างปลอดภัย โดยการชะลอความเร็วยังลดโอกาสการสูญเสียการควบคุมรถบนถนนที่มีน้ำขัง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อดอกยางไม่สามารถรีดน้ำที่อยู่ระหว่างยางและพื้นถนนได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือยางเส้นใดเส้นหนึ่งหรือหลายเส้นเกิดอาการ

สนใจเช่ารถบัส ติดต่อสอบถามข้อมูล

5. หากรถลื่นไถลให้ตั้งสติ

เมื่อลอยตัวบนผิวน้ำอาจทำให้ตัวรถและยางลื่นไถล จนส่งผลให้รถสูญเสียการควบคุม ผู้ขับขี่จะรู้สึกว่าพวงมาลัยมีน้ำหนักเบาอย่างกะทันหัน และรถไม่ตอบสนองต่อการควบคุมของพวงมาลัย หรือผู้ขับขี่อาจสังเกตว่ารอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ความเร็วไม่เพิ่มขึ้น โดยอาการนี้จะมาพร้อมกับการ กระตุก เนื่องจากยางสูญเสียการยึดเกาะชั่วขณะถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางรถของคุณเริ่มสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง

ดังนั้น เมื่อตัวรถเกิดการสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลงด้วยการผ่อนคันเร่งโดยไม่ต้องเหยียบเบรก รอให้ความเร็วลดลงและให้ยางยึดเกาะถนนอีกครั้ง ถ้าหากรถเริ่มลื่นไถล ผู้ขับขี่ต้องมีสติและควรควบคุมพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการให้รถมุ่งไปจนกว่ารถจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ และควรเหยียบคันเร่งด้วยน้ำหนักที่คงที่สม่ำเสมอ ซึ่งการควบคุมรถด้วยความนุ่มนวลนับเป็นปัจจัยสำคัญ

6. หากขับต่อไม่ไหวให้หาที่จอด

ในกรณีที่ฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน ผู้ขับขี่ไม่ควรฝืนขับรถต่อไป เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งทางออกที่ดีให้หาที่จอดรถที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมัน หรือจุดพักรถทางหลวง เป็นต้น จากนั้นรอจนฝนเบาลงแล้วค่อยเดินทางต่อ แล้วถ้าจำเป็นต้องจอดในทางเดินรถ ควรจอดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร หรือจอดรถให้ชิดไหล่ทางมากที่สุด แล้วเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นมองเห็นได้ชัดเจนและป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

7. ขับรถผ่านน้ำท่วมขังต้องระวังเพิ่มขึ้น

ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนที่ไม่สามารถมองเห็นหรือเดินผ่านได้ หรือถนนที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่ากึ่งกลางของล้อรถ และควรตรวจสอบว่ารถของคุณสามารถขับขี่ผ่านระดับน้ำได้สูงเท่าใด อีกทั้งน้ำท่วมขังจะบังสิ่งกีดขวางที่อยู่บนถนนซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น ดังนั้นถ้าคุณต้องขับขี่ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังขอให้แน่ใจว่าคุณขับอยู่บนถนนและถนนไม่มีความเสียหายใด ๆ ขณะเดียวกันควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคยเนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้ ผู้ขับขี่สามารถจอดรถและสังเกตรถคันอื่นว่าสามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

ทั้งนี้ หากเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้กับกึ่งกลางของถนน เนื่องจากระดับน้ำจะต่ำที่สุด ใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ควรรักษาความเร็วให้คงที่ ไม่ควรถอนคันเร่งเนื่องจากเครื่องยนต์ที่ลดความเร็วจะทำให้น้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อแคตทาไลติก คอนเวอร์เตอร์ นอกจากนี้ควรขับรถด้วยความเร็วต่ำมาก เพื่อไม่ให้ที่กรองอากาศด้านหน้ารถดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ถ้าน้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์จะส่งผลเสียรุนแรงและมีค่าซ่อมแซมสูง

อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขณะฝนตก  และหมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะที่ปัดน้ำฝน สภาพยางปัดน้ำฝน ต้องมีประสิทธิภาพสามารถปัดน้ำฝนได้ดี เพื่อให้มีทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ชัดเนในขณะขับรถที่มีฝนตกหนัก และหมั่นตรวจสอบสภาพของล้อยาง ซึ่งจะต้องไม่มีรอยฉีกขาด บวม ดอกยางต้องไม่สึกหรอ มีความลึกพอสามารถยึดเกาะถนนและรีดน้ำได้ดี ในขณะขับขี่ที่มีสภาพฝนตกและถนนเปียกลื่น และไม่ว่าจะขับขี่ภายใต้สภาพอากาศแบบใดก็ตาม ผู้ขับขี่ควรมองถนนตลอดเวลา และระมัดระวังในการขับขี่ให้ดี เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

หากใครที่สนใจเช่ารถบัสไปท่องเที่ยว สามารถเช่ารถบัสกับ DASH MV ยินดีให้บริการเช่ารถบัสในราคาย่อมเยาและพร้อมมอบความสุขและความใส่ใจในการบริการทุกขั้นตอนด้วยทีมงานมากประสบการณ์ที่คอยดูแล เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งทีมงานและพนักงานขับรถทุกคนมีการฝึกอบรบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัยขั้นสูง เพื่อพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แดช เอ็มวี จำกัด 

  • ที่อยู่: 39  หมู่ 14 ถนนบางนา-ตราด บางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ 10540
  • เบอร์โทร: 092 185 6699
  • Line:  @dashmv
DASH MV
บริการเช่ารถบัส รถโค้ช ขนาด 39-45 ที่นั่ง รถที่ให้บริการเป็นรถที่นำเข้าจากต่างประเทศและเป็นรถใหม่ทุกคัน มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและมีระบบความปลอดภัยสูง เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก
บริษัทเช่ารถบัส
บริการเช่ารถบัส

สำหรับผู้ที่สนใจ

ทางเรามีบริการให้เช่ารถบัส
ทั้งแบบรายวัน และรายเดือน

หมวดหมู่บทความ